ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ปัญหา ธุรกิจเครือข่าย ความเป็นจริง และวิธีการแก้ปัญหา การขาดแคลนผู้มุ่งหวัง





ปัญหา ธุรกิจเครือข่าย
ความเป็นจริง
และวิธีการแก้ปัญหา การขาดแคลนผู้มุ่งหวัง

อยากเป็นมือ อาชีพใน ธุรกิจเครือข่าย ต้องรู้วิธีการดึงดูดผู้คน
วิธีหาผู้มุ่งหวัง วิธีหาลูกค้า ให้ถูกวิธี โดยไม่ต้องโทรชวนคน โทรตื้อผู้คน
ที่นี้เราสอน วิธีหาผู้มุ่งหวัง ด้วย ระบบดึงดูดอัตโนมัติ

ก่อนที่คุณจะเลือกทำ ธุรกิจเครือข่าย
กับบริษัทเครื่อข่ายกับบริษัทใดก็ตาม
คุณต้องรู้ ความจริงเกี่ยวกับระบบเครือข่ายในหลายๆ ด้าน
และปัญหาหลักของคนทำ ธุรกิจเครือข่าย
และที่สำคัญ ระบบที่สามารถช่วยแก้ปัญหาระบบเครือข่าย
และการขาดแคลนผู้มุ่งหวัง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คนส่วนใหญ่กว่า 95% ยังไม่รู้

ธุรกิจเครือข่ายทำเงินได้เงินได้จริงครับ แต่คุณต้องทำให้ถูกที่ ถูกเวลา
นอกจาก บริษัท ผลิตภัณฑ์ และแผนรายได้ เป็นส่วนสำคัญแล้ว
และที่สำคัญที่สุด คือตัวคุณ คุณต้องมีเทคนิคและวิธีการ ที่สามารถดึงดูดคน
ให้มาร่วมทีมกับคุณ หรือมีระบบที่สามารถดึงดูดผู้คนให้มาร่วมธุรกิจกับคุณ

ก่อนอื่นมาพูดถึงปัญหาในระบบเครือข่ายก่อนนะครับ
ซึ่งผมจะแชร์ให้รับทราบว่า
ทำไมคนทำธุรกิจเครือข่ายประสบปัญหา และประสบปัญหาใดบ้าง
ที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งมีอยู่ 3 ข้อ

3 ปัญหาหลักของคนในวงการธุรกิจเครือข่าย

ปัญหาหลักที่ 1 การถูกสอนให้เน้นผิดจุด

หรือเราเข้าใจผิดเอง นั่นคือการเน้นไปที่บริษัทฯ สินค้า แผนจ่าย และการทำได้เพียงเกทับ กันไปมา ว่าของเราดีกว่าของเขา และสิ่งนี้ทำให้ผู้คนย้ายจากที่หนึ่ง เพียงเพราะคิดว่า จะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จเสียที จากการรอ/ค้นหา/เข้าร่วม สิ่งที่อ้างว่าเป็น The Next Big Thing.

ทั้งที่สิ่งเหล่านี้ แม้มีความโดดเด่น จริงตามที่คุณเข้าใจ แต่.....มันคือสิ่งที่ ผู้มุ่งหวัง ของเราต้องการจริงๆ หรือ พวกเราหลายคนถึงนำมาเน้นมากมายในการ หาผู้มุ่งหวัง พวกเขาให้เข้าร่วมธุรกิจกับเรา และที่สำคัญ ของที่อื่นย่อมมีความโดดเด่นของตนเองทั้งนั้นครับ และการเน้นเรื่อง บริษัทฯ สินค้า แผนจ่าย เน้นได้ครับ แต่ควรเป็นเรื่อง “สุดท้าย” สิ่งที่คุณควรเน้นอันดับแรกนั่นคือ “ตัวคุณ” และความ “เป็นมืออาชีพของคุณครับ”
ปัญหาหลักที่ 2 วิธีการทำงานในแนวทางของ Old-school MLM

สอนกันรุ่นสู่รุ่นกันมากในวงการ ล้วนสอนให้เราเล่นบทไล่ล่าผู้คน เล่นกับสถิติ โดยเจอคำปฏิเสธให้เยอะ ๆ เข้าไว้ เพราะคุณใกล้พบคนที่ใช่แล้ว ซึ่งไม่ Work แล้วในสมัยนี้ เพราะล้วนเป็นวิธีการของการเล่นบทไล่ล่า ผู้ล่า แต่ก็ยังสอน ยังทำกัน เพราะไม่รู้วิธีที่ดีกว่า ทั้ง ๆ ที่มัน ไม่ Work ตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะกี่คนแล้ว ที่คุณกำลังยัดเยียด นำเสนอสิ่งที่พวกเขาไม่ได้สนใจจะฟังตั้งแต่แรกแล้ว สิ่งนี้เรียกว่า Work เหรอครับ
การใช้เวลา STP แบบตัว-ตัว กับผู้คน ๆ แล้วคนเล่า ก็เป็นเรื่องเสียเวลามากถึงมากที่สุด ไหนจะต้องเดินทางไปกลับอีก ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ไหนจะต้องหมั่นคอยโทรติดตามต่ออีกซักระยะอยู่เรื่อย ๆ
การเล่นบทผู้ล่า ไล่โทรหาคนอย่างตะบี้ตะบัน มีผลถึงอัตตาตัวตนของคุณ ถูกมองเป็นฝ่ายเข้าหา ที่อำนาจการเจรจา ตกอยู่กับผู้อื่น ไม่ใช่คุณ
ไม่นับโอกาสเสียความรู้สึก และสั่นคลอนมิตรภาพ (ไม่มากก็น้อย) ผ่านการถูกปฏิเสธจากคนรู้จักรอบข้าง
วิธีเล่นบทไล่ล่าเหล่านี้เทียบกันไม่ได้เลยกับ การประยุกต์ใช้
ระบบดึงดูดอัตโนมัติ เพื่อดึงดูดผู้คน เข้ามาหา เอา “การต้องผจญการถูกปฏิเสธ” ออกจากชีวิต
จะดีไหม ถ้ากระบวนการสร้างทีมงาน การสร้างคนใหม่ ๆ คุณไม่ต้องผจญกับคำปฏิเสธเลย แถมยังมีวิธีดึงดูดผู้อื่นเข้ามาหาอีก เป็นไปได้แน่นอนครับ สำหรับทุกคนที่เรียนรู้หลักการ วิธีการ และเทคนิคของ ระบบดึงดูดอัตโนมัติ เหมือนอย่างที่ผม และหลายคนพิสูจน์มาแล้ว !
ปัญหาหลักที่ 3 การไม่อาจสร้างรายได้กลับมาได้ทันกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในช่วงแรก

หรือค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น เงินลงทุนเริ่มแรก (เปิดศูนย์ธุรกิจ) เงินดำเนินธุรกิจเช่น ค่าเดินทาง ค่าฝึกอบรม ค่าโฆษณา จนทำให้ขาดทุน ในกระแสเงินสดหมุนเวียน ทำให้ธุรกิจอยู่ได้ไม่นาน แม้เริ่มต้นมาด้วยความแน่วแน่ ตั้งใจจริง
รายได้จากธุรกิจเครือข่าย เป็นรายได้ที่อาศัยเวลา สร้างทีมงาน สอนทีมงานจนทีมงานทำงานขยายสายงานเองได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างกินเวลา ขณะที่มีค่าใช้จ่ายทันที มากมายในขั้นต้น และทุก ๆ เดือนจากการต้องรักษายอดส่วนตัว ทุก ๆเดือน หรือลงทุนโฆษณา ค่าฝึกอบรม หรือแม้กระทั่งเวลาที่สูญเสียไป ทำให้เป็นการง่ายที่คนส่วนใหญ่จะ Short เงินสดหมุนเวียนในช่วงแรก และพาลให้ต้องออกจากธุรกิจ แบบล้มเหลวเพราะขาดทุนเงินสดหมุนเวียน

3 ปัญหาหลักนี้ คือสิ่งที่แนวคิดระบบงานการสร้างธุรกิจเครือข่าย
ใหม่ ๆ จะต้องถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาครับ
ระบบที่ใช้แก้ปัญหานี้ เรียกว่า
ระบบ ดึงดูดอัตโนมัติ

Auto Attraction System
ระบบที่ทำให้คุณ " ได้ " หาผู้มุ่งหวัง ได้ดังนี้

" วิธี หาผู้มุ่งหวัง " ที่ช่วย ดึงดูด ผู้มุ่งหวังตัวจริง
เข้ามาหาคุณ อย่างต่อเนื่อง

" วิธี หาผู้มุ่งหวัง " ที่ช่วยคัดกรองเฉพาะ
ผู้ที่มีความตั้งใจจริง เท่านั้น

." วิธี หาผู้มุ่งหวัง " โดยไม่ต้องลิสต์รายชื่อคนรู้จักให้ได้มากที่สุด

" วิธี หาผู้มุ่งหวัง " ที่ช่วยให้คุณ
ไม่จำเป็นต้องโทรชักชวน ผู้มุ่งหวัง อีกต่อไป

" วิธี หาผู้มุ่งหวัง " ที่ช่วยติดตามผล และสร้างความสัมพันธ์
กับ ผู้มุ่งหวัง อย่างต่อเนื่อง

" วิธี หาผู้มุ่งหวัง " ที่ช่วยสร้าง สภาพแวดล้อมไฮเทค เพื่อให้คุณและทีมงานของคุณ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ

" วิธี หาผู้มุ่งหวัง " ที่ช่วยให้เพื่อน ๆ ไม่ต้องสิ้นเปลืองค่าโฆษณา โดยไม่จำเป็นอีกต่อไป


การทำ ธุรกิจเครือข่าย ต้องมีความรู้ และเลือกระบบที่ทำให้คุณทำงานง่ายขึ้น และไม่ขัดกับความรู้สึกของตนเอง

คุณต้องมีความรู้ วิธีการ และระบบที่สามารถช่วยคุณได้
ความรู้และวิธีการที่เหนือกว่า คุณจะหาได้จากที่ไหน
เข้ามาเรียนรู้กับเราครับ แล้วคุณจะรู้ว่า
ผมและทีมงานสามารถจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ
ในธุรกิจเครือข่าย ได้จริง

โดยการ
กรอกข้อมูลด้้านล่าง เพื่อรับ Informations เพื่อเรียนรู้ คัมภีร์แรงดึงดูด ฟรี
กับเรานะครับ

ปล. “อย่าเพิ่งปฏิเสธสิ่งที่คุณยังไม่รู้จริง เพราะนั่น
คุณอาจปฏิเสธสิ่งที่คุณหามาทั้งชีวิต”
เปิดมุมมองของคุณให้กว้างและมาเรียนรู้กันครับ

For your Success.....


ทองจน พนทะจก
thongchanh Phonthachack

khamla2000@hotmail.com
www.thongchanhtoglobal.blogspot.com

ຄົນຮັ່ງ ຕ່າງຄົນທຸກ 10 ຂໍ້




ຄົນຮັ່ງ ຕ່າງຄົນທຸກ 10 ຂໍ້

ໜ່ັງສືຂອງທ່ານ Keith Cameron Smith ໄດ້ຂຽນຄວາມແຕກຕ່າງຂອງຄົນຮັ່ງ ແລະ ຄົນທຸກວ່າ ມີ 10 ຂໍ້ທີ່ແຕກຕ່າງຄື:
1. ຄົນຮັ່ງຄິດຍາວ, ຄົນຊັ້ນກາງຄິດສັ້ນ, ຄົນທີ່ຄິດສັ້ນທີ່ສຸດກໍ່ຄືຄົນທຸກຍາກ. ຄົນທຸກຍາກ ມັກຈະຄິດເລື້ອງຕ່າງໆແບບວັນຕໍ່ວັນແບບຫາເຊົ້າກິນຄຳ່. ຄົນຊັ້ນກາງ ມັກຈະຄິດ ເປັນລາຍເດືອນ ຄື ຄິດເຖີງມືເງີນເດືອນອອກ. ແຕ່ວ່າຄົນຮັ່ງມີເປັນເສດຖີນັ້ນ ເຂົາຄິດກັນເປັນປີໆ ຫລື ເປັນສິບໆປີ ໃນໃຈຂອງຄົນທຸກບາກນັ້ນ ເຂົາມັກຄິດຫາແຕ່ເລື້ອງຂອງຄວາມຢູ່ລອດເປັນຫລັກ ໃນຂະນະທີ່ຄົນຊັ້ນກາງມັກຄິດເຖີງເລື່ອງຄວາມສຸກສະບາຍຈາກກັບຈັບຈ່າຍໃຊ້ສອຍ. ຄົນຮັ່ງມີນັ້ນ ມີເປົ້າໜາຍຂອງພວກເຂົາຢ່າງຊັດເຈນ ຄືພວກເຂົາຕ້ອງການເປັນອິດສະຫລະທາງການເງີນ. ການຄິດໄກໆຍາວໆນັ້ນ ມີພະລັງມະຫາສານ ເພາະມັນຈະເຮັດໃຫ້ເຂົາອົດອອມ ແລະ ລົງທືນໄລຍະຍາວ ຊື່ງຈະເຮັດໃຫ້ເງີນງອກເງີຍແບບມີກຳໄລໃນໄລຍະຍາວ ແລະ ນີ້ຄືສູດສຳຄົນທີ່ສຸດຂອງຄົນຮັ່ງມີ.
2. ຄົນຮັ່ງມັກເວົ້າເລື່ອງແນວຄິດ, ຄົນຊັ້ນກາງເວົ້າກ່ຽວກັບເລື່ອງສີ່ງຂອງ ແລະ ຄົນທຸກມັກເວົ້າແຕ່ເລື່ອງຂອງຄົນອື່ນ. ນີ້ບໍ່ໜາຍຄວາມວ່າຄົນຮັ່ງບໍ່ເຄີຍເວົ້າເລື່ອງສີ່ງຂອງ ຫລື ເລື່ອງຂອງຄົນອື່ນ ແຕ່ຫມາຍຄວາມວ່າຄົນຮັ່ງເວົ້າກ່ຽວກັບເລື່ອງຂອງຄົນອື່ນໜ້ອຍກ່ວາທຸກຄົນ. ຄົນຮັ່ງມັກມີຄວາມຄິດດີໆ ແລະ ມູມມອງທີ່ຕ່າງຈາກຄົນຊັ້ນກາງ ແລະ ຄົນທຸກ. ຄົນຮັ່ງມັກຈະເວົ້າມີຄວາມຄິດສ້າງສັນຢູ່ສະເໜີ ຊື່ງແຕກຕ່າງຈາກນິໄສຂອງຄົນທຸກທີ່ມັກຫາເລື່ອງຈົ່ມຂວັນນິນທາຜູ້ອື່ນ. ສ່ວນຄົນຊັ້ນກາງ ທີ່ເນັ້ນການເຮັດວຽກເປັນຕົ້ນຕໍນັ້ນ ມັກເວົ້າເຖີງເລື່ອງລົດຂີ່, ດົນຕຮີ ແລະ ການໄປມາບ່ອນຜ່ອນຄາຍ.
3. ຄົນຮັ່ງຍອມຮັບການປ່ຽນແປງ, ຄົນຊັ້ນກາງມັກຕໍ່ຕ້ານການປ່ຽນແປງ. ຄົນຊັ້ນກາງຮູ້ສຶກວ່າ ການປ່ຽນແປງອາດມາພ້ອມໂອກາດທີ່ພວກເຂົາອາດຈະຍາດແຍ່ງເອົາໄດ້. ເບື່ອງຫລັງຂອງນິໄສນີ້ ອາດມາຈາກຄວາມຄິດທີ່ວ່າ ຄົນຮັ່ງນັ້ນ ມີຄວາມໜັ້ນໃນໂຕເອງສູງ.
4. ຄົນຮັ່ງກ້າຍອມຮັບຄວາມສ່ຽງທີ່ໄດ້ພິຈະລະນາ ແລະ ໄຕ່ຕອງດີແລ້ວ, ຄົນຊັ້ນກາງຢ້ານທີ່ຈະປະເຊີນໜ້າກັບຄວາມສ່ຽງ. ຄົນທີ່ບໍ່ຍ່ອມສ່ຽງຈະບໍ່ມີໂອກາດທີ່ຈະໄດ້ຜົນຕອບແທນທີ່ໂດດເດັ່ນ.
5. ຄົນຮັ່ງຮຽນຮູ້ໄປພ້ອມໆກັບການເຕີບໂຕໃຫຍ່ຕະຫລອດຊີວິດ. ຄົນຊັ້ນກາງຄິດວ່າ ການຮຽນຮູ້ ແມ່ນຈາກໂຮງຮຽນ. ການຮຽນຮູ້ຈາກໂຮງຮຽນ ເປັນພຽງພື້ນຖານທີ່ຊ່ວຍໃຫ້ເຮົານຳໄປສຶກສາຕໍ່ດ້ວຍຕົນເອງ. ການຮຽນຈາກໂຮງຮຽນ ໃຊ້ເປັນເວລາສິບໆປີ ຊື່ງເປັນການເສຍເວລາຫລາຍ
6. ຄົນຮັ່ງເຮັດວຽກເພື່ອກຳໄລ ສ່ວນຄົນຊັ້ນກາງເຮັດວຽກກັບຄວາມຄິດທີ່ຫວັງຄ່າຈ້າງທີ່ດີ
7. ຄົນຮັ່ງຄິດວ່າພວກເຂົາຈະຕ້ອງເຮັດບຸນສິນກິນທານ ແລະ ບໍລິຈາກ ສ່ວນຄົນຊັ້ນກາງ ຄິດວ່າການເຮັດບຸນເປັນການສີ້ນເປືອງ
8. ຄົນຮັ່ງມີແຫລ່ງລາຍຮັບຫລາຍແຫຼ່ງ ສ່ວນຄົນຊັ້ນກາງມີລາຍຮັບຢ່າງຫລາຍກໍ ຈາກ 2 ແຫຼ່ງ.
9. ຄົນຮັ່ງໜັ້ນໃສ່ການເພີ່ມຂື້ນຂອງຄວາມມັ່ງຄັ່ງ ແຕ່ຄົນຊັ້ນກາງມຸ່ງໜັ້ນໃຫ້ໄດ້ເງີນຄ່າຈ້າງສູງຂື້ນ
10. ຄົນຮັ່ງມັກຕັ້ງຄຳຖາມວ່າ ‘’ ຂ້ອຍຈະສ້າງລາຍໄດ້ເປັນເທົ່າຕົວໃນປີນີ້ດ້ວຍວິທີໃດ ?, ສ່ວນຄົນຊັ້ນກາງມັກຕັ້ງຄຳຖາມ ເປັນທາງລົບ ເຊັ່ນ: ‘’ ປີນີ້ຈະຫາເງີນແບບໃດເພື່ອມາຈ່າຍບັດໜີ້ບັດເຄຼດິດ?

ແດ່ຄວາມສຳເລັດຂອງເຈົ້າ
ທອງຈັນ ພົນທະຈັກ

E-mail: khamla2000@hotmail.com
www.thongchanhtoglobal.blogspot.com