Morseng herbs Delivery in LuangPrabang ,Laos สุนจำหน่าย สะหมุนไพ หมอเส็ง LuangPrbang สปปลาว บอลิกานส่งเภิงที่ in Luang Prabang พิเสด รับสะมาชิก ตัวแทนจำหน่าย ลายได้ดี Tel 856 20 22380244 สนใจ ร่วมธุรกิจเพียง 500 บาท โดยไม่ต้องลงทุน หรือสมัครสมาชิกเพื่อรับส่วนลดสินค้า25%ตลอดชีพทั่วประเทศ โดยมีการต่ออายุสมาชิก 100 บาทต่อ year ได้ทันทีโทร 850 20 22380244 รับแฟ๊ม แค๊ตตาล็อคสินค้า คู่มือดำเนินธุรกิจ บัตรสมาชิกตลอดชีพ จัดส่งถึงบ้าน
ค้นหาบล็อกนี้
วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ก้าวแรกสู่การสร้างรายได้แบบไร้ขีดจำกัด
บริษัทแสงสุริยะฉัตร (2002) จำกัด ก้าวแรกสู่การสร้างรายได้แบบไร้ขีดจำกัด
ก้าวแรกสู่การสร้างรายได้แบบไร้ขีดจำกัด
ด้วยแผนการตลาดที่ทำง่าย ให้รายได้สูง ยุติธรรมและถูกกฎหมาย
"อย่าลืมว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตในโลกนี้
เคยล้มเหลว ผิดหวังมาแล้วหลายๆ ครั้ง
ลองถามตัวเราเองว่า เคยล้มเหลวอะไรมาแล้วหรือยัง
ถ้าคำตอบว่ายัง... ความสำเร็จของคุณก็ยังมาไม่ถึง
โอกาสที่ดีๆ จะเข้ามาเสมอสำหรับผู้ที่เปิดใจยอมรับ "
… มาจับมือกันเป็นผู้นำต้นสายในไทยด้วยกันครับ ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อมถ้ามาถูกช่วงเวลาที่เหมาะสม !!
แจกฟรี..CD..เกิดกี่ชาติก็พลาดไม่ได้.....ค้นหาความต้องการในชีวิตที่แท้จริงของคุณที่นี่
โอกาสทองที่ท่านไม่ควรพลาด
สิ่งที่น่าเสียใจที่สุด ที่ทุกคนจะพูดเมื่อโอกาสทองผ่านไป
ก็คือ
" ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะ ................"
ไม่ว่าจะมีคุณหรือไม่มีคุณ ธุรกิจ กาแฟหมอเส็ง จะเป็นพันล้านเหรียญ
ดังนั้นอย่าปล่อยให้โอกาสทางธุรกิจ กาแฟหมอเส็ง ผ่านไป
โดยที่คุณไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย
ธุรกิจที่พิสูจน์ด้วยระยะเวลา 5 ปีกว่าในไทย
มีผู้ที่มีรายได้หลักหมื่น 20000 กว่าคน
มีรายได้หลักแสน 1000 กว่าคน
มีรายได้หลักล้าน 9 คน
และมีผู้ที่ได้รับกองทุนรถเบนส์ฟรี 23 คัน
สนใจรับ CD ธุรกิจ ฟรีได้ที่
คุณ Thongchanh
ฟรี...ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น"
ยาสมุนไพร หมอเส็ง (Morseng)
เริ่มต้นหมอเส็งได้อย่างไร
หมอ เส็งคุณ ฉัตรชัย แสงสุริยะฉัตร แพทย์ที่ปรึกษา คลีนิค สุขภาพไตรเวชศาสตร์ด้านการแพทย์แผนตะวันออก หรือที่รู้จักกันดีในนาม “ หมอเส็ง” หนึ่งในผู้ชำนาญด้านสมุนไพรไทยและจีน ด้วยวัยกว่า 60 ปี กับประสบการณ์ในร้านขายยาแผนโบราณมาตั้งแต่เด็ก หมอเส็งจึงได้เรียนรู้ทุกขั้นตอนในการปรุงยาอย่างละเอียด และจดจำตัวยาสมุนไพรทุกชนิดได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะการผลิตหรือการปรุงยาจากสมุนไพรทั้งไทยและจีน ซึ่งสมุนไพรทั้งสองชนิดนี้มีความคล้ายคลึงกันมากที่นับวันจะมีผู้เชี่ยวชาญ เหลืออยู่น้อยคนเต็มที เพราะนอกจากจะอาศัยความรู้เรื่องสมุนไพรแล้วยังต้องมีประสบการณ์ที่เชี่ยว ชาญอีกด้วย
ประวัติหมอเส็ง
บ้านเดิม ท่านอยู่ที่บางคล้า แปดริ้ว เป็นร้านขายยาสมุนไพรรักษาโรคทั่วไป ทั้งก๋งและเตี่ย หรือเรียกว่าทั้งตระกูลท่านเป็นหมอยา ซึ่งมีความชำนาญด้านสมุนไพรมาตลอด เตี่ยของท่านเป็นหมอมาจากเมืองจีนจะสอนคุณหมอเส็ง ให้รู้จักการใช้สมุนไพร ซี่งการศึกษาแพทย์แผนโบราณนั้นยากมากต้องเรียนรู้ถึงสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละ ชนิด ถ้าจะใช้สมุนไพรรักษาโรคให้ถูกหลักและให้ออกฤทธิ์รักษาอย่างได้ผลต้องแตกฉาน สมุนไพรเพียงชนิดเดียวไม่สามารถรักษาได้ผลต้องนำสมุนไพรแต่ละชนิดนำมาผสม ผสานกันจึงจะออกฤทธิ์ในการรักษาอย่างได้ผล และจะต้องวินิจฉัยโรคของคนไข้ให้ดีเสียก่อนจึงจะปรุงยารักษาได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้หมอเส็งได้รับการเรียนรู้มาอย่างลึกซึ้ง
หมอเส็งแยกตัวออกมาเปิดร้านของตัวเอง
กิจการหมอเส็ง
จน กระทั่ง หมอเส็งได้แยกตัวออกมาเปิดเองที่กรุงเทพฯ โดยทำหน้าที่รักษาโรคทั่วไปเป็นหมอคู่กับเตี่ยมาตลอด จนเตี่ยอายุมากจึงเริ่มวางมือและให้หมอเส็ง ทำต่อไป เพราะเตี่ยมั่นใจในความรู้ ความสามารถของหมอเส็งแล้ว หมอเส็งได้ไปสอบใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขทั้งทางด้านเวชกรรมและเภสัชกรรม ซึ่งคนที่จะไปสอบได้ต้องมีความรู้ด้านสมุนไพรเป็นอย่างดีไม่ใช่ใครก็ไปสอบ ได้ ซึ่งเมื่อสมัยนั้นร้านขายยาแผนโบราณยังมีอยู่น้อย ต่อเมื่อมียาแผนปัจจุบันเข้ามา หมอเส็งก็ขายยาแผนปัจจุบันควบคู่กันไปด้วย เป็นทั้งคนขายและหมอไปในตัวพอมาระยะหลังยาฝรั่งเริ่มมาแรง ผู้คนหันไปนิยมกันมากขึ้นด้วยเหตุเพราะกินง่ายและไม่มีกลิ่นฉุนเหมือนยาแผน โบราณ และการแข่งขันของยาแผนปัจจุบันได้ขยายตัวสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว หมอเส็ง จึงหันมาเน้นในเรื่องของสมุนไพรทั้งไทยและจีนตามที่ตัวเองถนัดมากขึ้น โดยเฉพาะการรักษาโรคเกี่ยวกับสตรี ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ เลือดลม หรืออาการทางสมองที่เรามักจะพบในคนสูงอายุ และล่าสุดที่หมอเส็งได้เพียรพยายามศึกษามากกว่า 10 ปี นั่นก็คือมหัศจรรย์แห่งสมุนไพรไทยที่ชื่อ “ ว่านชักมดลูก ”
แผนการตลาดหมอเส็ง
แผน การตลาดหมอเส็งหมอ เส็งยังคงยึดแชมป์ไบนารี่และคาดว่าจะยังครองตลาดได้มากที่สุด ต่อไปอีกในกลุ่มขายตรงแผนไบนารี่ของไทยเพราะแนวโน้มตลาดต้องการใช้สมุนไพร มากขึ้น ธุรกิจหมอเส็งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจขายตรงของไทยที่มีความมั่นคงสูง สินค้าคุณภาพดีเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ พร้อมกับแนวโน้มหลายคนเริ่มทิ้งยาแผนปัจจุบัน เพราะมีผลข้างเคียงสูง สารเคมีตกค้างเยอะ เริ่มหันมามองยาสมุนไพรมากขึ้น แน่นอนยาหมอเส็งมีชื่อเสียงมากว่า 30 ปี จึงเป็นยาแผนโบราณที่ผู้ใช้ต้องเรียกหาเป็นอันดับแรก จึงทำให้ยอดขายเติมโตขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง จึงทำให้สร้างความสำเร็จแก่ผู้จำหน่ายอิสระรุ่นแล้วรุ่นเล่า
ข้อดีของแผนการตลาดหมอเส็ง
เพียง สมัครสมาชิกก็สามารถดำเนินธุรกิจได้ทันที นับคะแนนจากยอดขาย 2 ฝั่งลึกไม่กำหนดจำนวนชั้น สามารถมีรายได้ถึง 3 ทาง และทีมงานโตสายเดียวก็สามารถมีรายได้จากระบบธุรกิจนี้ได้ ตำแหน่งขึ้นแล้วไม่ตกลงมา และท่านมีโอกาสก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งคุณวุฒิพิเศษสูงขึ้นไปอีกหลายระดับใน บริษัท พร้อมกับได้รับผลประโยชน์พิเศษเพิ่มมากขึ้น สะสมยอดไว้ตลอดแม้คุณสมบัติส่วนตัวไม่ครบมีโบนัสบริหารองค์กรมอบให้เพิ่ม เติมพิเศษ ไม่ต้องรักษายอดขายส่วนตัวและยอดกลุ่ม ระบบธุรกิจทั้งหมดสามารถเป็นมรดกได้ สามารถรับรายได้ทั้งรายวันและรายเดือน ไม่มีคูปองหักยอดโบนัสไดๆ ทั้งสิ้น
การสมัครทำธุรกิจ
ธุรกิจ หมอเส็งเริ่ม ต้นสมัครสมาชิก 500 บาท รับฟรีทันที คู่มือดำเนินธุรกิจ สินค้าขนาดทดลอง วารสารประจำบริษัทสิทธิซื้อสินค้าราคาสมาชิกที่สามารถนำไปสร้างผลกำไรได้ ทันที คอร์สอบรมความรู้เกี่ยวกับสินค้าและเทคนิคการสร้างรายได้
เหมาะ สำหรับผู้ที่ต้องการ ทำธุรกิจอย่างจริงจัง สามารถร่วมทำธุรกิจได้ทั้งแบบออนไลน์ และออฟไลน์ตามความถนัด เพิ่มความสะดวกสบายในการทำขายตรงยุคใหม่ให้ทันกับเหตุการณ์ในปัจจุบันอยู่ เสมอ
Thongchanh Phonthachack
Network business Consultand\
โทร. 856 020 55670662
Thongchanh MLM Leader ສຸດຍອດທຸລະກິດ ທີ່ທ່ານຕ້ອງຮູ້: บทความจากหมอเส็ง
Thongchanh MLM Leader ສຸດຍອດທຸລະກິດ ທີ່ທ່ານຕ້ອງຮູ້: บทความจากหมอเส็ง: "บทความจากหมอเส็ง การดำรงชีวิตของมนุษย์นับแต่โบราณ พวกเขามีความเกื้อกูลและใกล้ชิดกับธรรมชาติ ยามเจ็บไข้ไม่สบายหนทางในการรักษา เขาใ..."
บทความจากหมอเส็ง
บทความจากหมอเส็ง
การดำรงชีวิตของมนุษย์นับแต่โบราณ พวกเขามีความเกื้อกูลและใกล้ชิดกับธรรมชาติ ยามเจ็บไข้ไม่สบายหนทางในการรักษา เขาใช้วิธีแบบธรรมชาติเป็นหลักผสมผสานกับวิทยาการการักษาโรคแบบดั้งเดิมที่ ถือเป็นศาสตร์ทรงพลังอันเร้นลับ ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงนำศาสตร์การรักษาบบนี้มาใช้ควบคู่กันอยู่กับการแพทย์ แผนโบราณ
ศาสตร์แห่งพลังในการ " แมะ " เพื่อตรวจโรคเป็นวิชาที่กำเนิดจากประเทศจีนมานับเป็นพันๆปี หมอจีนแผนโบราณที่เชี่ยวชาญการรักษาโรคจะใช้เวลาในการสัมผัสชีพจรคนของคนไข้ เพียงไม่กี่วินาทีก็จะรู้ได้ในทันทีว่า คนไข้ผู้นั้นเจ็บป่วยด้วยโรคอะไรซึ่งเป็นการวินิจฉัยโรคได้ถูกต้องและแม่นยำ
กล่าวกันว่า " วิชาแมะ " เป็นศาสตร์แห่งการใช้พลังจิตอีกแขนงหนึ่ง เพราะเหตุที่ต้องใช้สมาธิระหว่างการสัมผัสเพราะฉนั้น " หมอแมะ " จะต้องเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูงพอจึงจะเป็นคนสัมผัสไวหรือมีความรู้สึกไวต่อ การสัมผัสชีพจรของคนไข้ ขณะอยู่ในสภาวะที่สงบนิ่ง หมอแมะจะรับรู้สภาพความเป็นไปของผู้ป่วยทางจิต
ในเมืองไทยเรามีหมอแมะพลังจิตที่รับรักษาและตรวจโรคด้วยวิธีแบบจีนผสมผสาน กับการใช้สมุนไพรธรรมชาติหลายคนแต่มีอยู่ครหนึ่งที่รับรักษาด้วยวิธีการนี้ มากว่า 40 ปี และมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของบุคคลหลายๆวงการ จนได้รับขนานนามว่า " หมอเส็ง.....หมอเทวดา "
" หมอเส็ง " คุณฉัตรชัย แสงสุริยะฉัตร เดิมเป็นคน อำเภอแปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา แต่มาเติบโตตั้งรกรากอยู่ในกรุงเทพฯ ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 8 คน หมอเส็งเป็นเพียงคนเดียวที่สืบทอดศาสตร์ในการรักษาโรคโดยแพทย์แผนโบราณมาจาก คุณพ่อ " คุณพ่อผมมาจากเมืองจีน มณฑลกวางตุ้ง ตระกูลของคุณพ่อผมเป็นตระกูลแผนโบราณที่สืบทอดกันมานับร้อยๆปีก็ว่าได้ สมัยพ่อผมท่านก็เปิดร้านขายยาสมุนไพรไทยมากขึ้น ผมเองก็ได้เรียนรู้คลุกคลีกับท่านมาตั้งแต่เด็ก คอยเป็นลูกมือของคุณพ่อ เขาใช้ให้ทำอะไรก็ทำ จะผสมยา หั่นยา กวาดยา หรือเก็บยายังไงก็ต้องทำแล้วยาแต่ละตัวออกฤทธิ์อย่างไร รสฝาดหรือขม อันนี้ก็ต้องรู้ "
หมอเส็ง เริ่มต้นเป็นแพทย์แผนโบราณ เมื่ออายุ 18 ปี กระทั่งปัจจุบัน หมอเส็งได้เล่าถึงประสบการณ์ในการรักษาคนไข้ในสมัยแรกเริ่มว่า " สมัยแรกที่เริ่มศึกษา ผมก็รักษาโรคพื้นๆก่อน เช่น พวกปวดหัว ตัวร้อน ปวดข้อ ปวดกระดูก ใจสั่น เป็นลม คนสมัยก่อนไม่ค่อยเป็นอะไรเพราะเขากินแต่ของที่เป็นธรรมชาติ กินยาสมุนไพร และสมัยที่ผมอายุ 20 ปี คนในสมัยนั้นไม่มีนะที่จะเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต มะเร็งสมัยก่อนก็ไม่ค่อยเห็น ตามร้านขายยาสมุนไพรสมัยนั้น มียาอยู่ไม่กี่ตัว มีแค่ยาเขียว ยาหมอ ยาแก้ไข้ ยามหาจักร ยากุมารอ้วนพี มีขายยาไม่กี่สิบตัวและสมุนไพรที่ใช้ก็เก็บมาจากป่า เดี๋ยวนี้ป่าหมดไปเยอะทำให้สมุนไพรไทยหายไป แต่ก่อนป่ามีทั่วไปในเมืองไทย มีป่าที่ไหนมีสมุนไพรที่นั่น ตามท้องนาใกล้บ้านก็มีสมุนไพรอยู่ สมัยก่อนคนที่ขายสมุนไพร เขาจะมีเรือไปเก็บสมุนไพรทางภาคเหนือและภาคใต้หรือมีเรือไปรับซื้อ บางครั้งก็มีชาวบ้านเอาลงเรือลงรถไฟมาขายให้ก็มีและวิธีการรักษาของผมในยุค นั้นก็ใช้แพทย์แผนไทยผสมจีน มีการแมะจับชีพจร "
" การแมะ " หรือการตรวจจับชีพจรเป็นอย่างไร หมอเส็งได้อธิบายให้ฟังว่า
"การ แมะนั้นจะเกี่ยวข้องกับการมีสมาธิ คนตรวจจะต้องมีสมาธิพอสมควร ถ้าคนที่แมะเก่งๆหากตรวจหัวใจของคนไข้ บางทีต้องควบคุมการเต้นของหัวใจตัวเองกับคนไข้ว่ามีจังหวะเดียวกันไหม เพราะฉนั้นการฝึกสมาธิต้องมีบ้าง มาถึงจะไปจับส่งเดชไม่ได้นะครับ แล้วการจับตรวจชีพจรนี่ก็จับตรวจโรคได้บางอย่าง บางอย่างก็ตรวจไม่พบ ไม่ใช่ว่าพอจับชีพจรแล้วจะตรวจพบหมดนะครับ การตรวจชีพจรเนี่ยมันบอกถึงการเต้นของหัวใจ การไหลเวียนของเลือด ความร้อนความเย็นในร่างกายมันจะบอกได้จากชีพจรทั้งนั้นเลย เพราะฉนั้นรหัสการเต้นของชีพจรก็คือรหัสของโรค เราต้องอ่านรหัสแล้วแปลเป็นโรค วิธีการจับก็อยู่ในบริเวณข้อมือซึ่งจะมีชีพจรอยู่ ซึ่งถ้าชำนาญจับเดี๋ยวเดียวก็รู้ "
ความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคด้วยแพทย์แผนโบราณทั้งไทยและจีนของหมอเส็งเป็น ที่รู้จักกันมานานหลายๆคนเป็นโรคที่เรื้อรังรักษาไม่หายแต่พอมาหาหมอเส็งโรค นั้นกลับหายสนิท จนเป็นที่มาของการขนานนามหมอเส็งว่า " หมอเทวดา "
" หัวเราะ " อย่าไปพูดอย่างนั้นเลยคือผมเป็นคนที่ถือหลักธรรมชาติเป็นหลักในชีวิตกับที่ มาของชื่อนี้ก็คือเมื่อสมัยก่อนผมไปรักษาพระผู้ใหญ่องค์หนึ่ง พอดีท่านป่วยหนักด้วยโรคหัวใจ ลูกศิษย์ของท่านก็เชิญผมไปรักษาที่วัดป่าบ้านตาด ผมก็ตรวจและจัดยาถวายท่านจนหายและท่ายก็เรียกผมว่า......โยมหมอเทวดา " (หลวงพ่อที่หมอเส็งกล่าวถึงนั่นก็คือ หลวงตามหาบัวนั่นเอง)
ระยะเวลาของการรักษาแต่ละโรคนานมั้ยค่ะ ?
" ส่วนมากที่นี่เราจะรับประกันได้ว่าจ่ายยาปุ๊ปต้องได้ผล ผมจะจ่ายยาให้คนไข้ครั้งละ 10 วันและถ้า 10 วันไปแล้วไม่ดีขึ้นคุณกลับมาเราจะเปลี่ยนยาให้โดยไม่เสียเงินเลยและถ้า เปลี่ยนแล้วยังไม่ได้ผล คุณเอาเงินคืนไปผมไม่รักษาต่อ คือการเป็นหมอเนี่ยเราจะรักษาโรคทุกอย่างให้หายไม่ได้ ไม่ใช้ว่ามาแล้วเราจะรับรักษาหมด เราต้องรู้ความสามารถของเราว่าอยู่ตรงไหน อย่างผมถนัดทางโรคหัวใจ ปอด ตับ ไต สมอง โรคภูมิแพ้ในเด็ก โรคของผู้หญิงเกี่ยวกับมดลูกอันนี้รับประกันว่าได้ผลแน่นอนเรารักษาได้ อย่างโรคหัวใจเรารับรักษาโดยใช้สมุนไพรหลายตัว ถ้าใครพูดว่ารักษาโรคหัวใจโดยใช้สมุนไพรตัวนั้นตัวนี้ดเพียงตัวเดียวไม่ได้ ผลหรอก สมุนไพรแต่ละตัวมีฤทธิ์จริงแต่ก็ต้องเอาผสมกันจึงจะได้ผล สมุนไพรรักษาโรคหัวใจก็มีพวกจันทร์ขาว จันทร์หอม เทียนทั้ง 5 ว่านน้ำ ฯลฯ มีเป็นตำรับเอามาต้มหรือบดเป็นผงกินก็ได้ซึ่งแต่ละคนจะมีวิธีใช้ไม่เหมือน กัน เราต้องดูคนไข้ด้วย "
เคยใช้ " พลังจิต " มารักษาควบคู่กับสมุนไพรธรรมชาติมั้ยค่ะ ?
" ถามว่าเคยมั้ย เอาเป็นว่าถ้าใครที่มีพลังจิตอ่อนแอผมรักษาได้ ในเมื่อจิตเป็นพลังงาน เราก็เพิ่มพลังให้เขาจนจิตแข็งแรง แล้วเขาก็จะต่อสู้เอง เขาจะเลิกกลัวเลิกวิตกกังวล คนเราชอบคิดว่าพลังจิตเป็นของพิสดาร ความจริงไม่ใช่ของพิสดารหรอกทุกคนก็มีจิตเป็นต้นกำเนิดของพลังงานถ้าจิตเสีย คือ ตื่นเต้นง่าย เครียด ห่อเหี่ยว ขี้กลัว ไม่มั่นใจในตัวเองก็จะทำให้พลังงานของเราลดลงไปทันทีเกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ ง่ายหรือถ้าจิตเวลาไปงานศพกลับมาก็มักจะไม่สบาย ตรงนี้มันสื่อถึงกันได้รับสิ่งไม่ดีกลับมาได้ง่าย "
สมัยนี้โรคแปลกๆมันเกิดขึ้นมาเยอะจะมีวิธีไหนที่จะป้องกันโรคได้บ้างค่ะ ?
" มันยาก ทำยาก เพราะทุกวันนี้ทุกอย่างมันก้าวหน้าเกินไป สารเคมีเยอะไม่ว่าจะเป็น พืช ผัก ผลไม้ ใช้เคมีตลอด ข้าวก็มีเคมีหรือแม้แต่สัตว์อย่างไก่ สมัยก่อนต้องเลี้ยงถึง 6 เดือนถึงจะได้กินแต่เดี๋ยวนี้ 45 วันก็ได้กินแล้ว โรคแปลกๆที่เกิดขึ้นทุกวันนี้หลายโรคแพทย์แผนปัจจุบันยังหาวิธีรักษาไม่ได้ เป็นเพราะสิ่งแปลกปลอมในบรรยากาศคือมลพิษทางอากาศ สารเคมีจากพืช ผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ มีอยู่ทางเดียวที่จะป้องกันไม่ให้ตัวเองเป็นโรคก็คือคุณต้องรักษาร่างกายของ คุณให้สะอาด อย่าให้มีสารพิษตกค้างภายในร่างกาย ซึ่งที่สถานพยาบาลของผมก็มียามที่กินเพื่อไม่ให้สารพิษคั่งค้างในร่างกาย ยาตัวนี้มันจะดูดซึมสารพิษและระบายออกมา "
ท้ายสุดหมอเส็งได้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับยาสมุนไพรว่า
" สมุนไพรของไทยเนี่ยยอดเยี่ยมมาก อย่างว่านชักมดลูกนี่ก็คือสมุนไพรตัวหนึ่งเชื่อไหมว่าสร้างผู้หญิงที่ไม่มี หน้าอกให้มีหน้าอกได้ หรือคนที่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศพอกินตัวนี้อารมณ์ทางเพศก็จะกลับมาเป็นปรกติ มีข้อดีหลายอย่างเพียงแต่ว่าต้องผสมให้ถูกหลักและขอบอกอย่างหนึ่งว่า การใช้ยาสมุนไพรเช่น ฟ้าทะลายโจรที่ใช้แก้ร้อนใน แก้ไข้หวัด เราจะอาศัยฟ้าทะลายโจรตัวเดียวรักษาทุกโรคไม่ได้มันต้องมียาตัวอื่นๆแทรก เข้าไปด้วยจึงจะออกฤทธิ์ดี และใครบอกว่ายาสมุนไพรหายช้า ยาแผนปัจจุบันหายเร็วนั้น.....ไม่จริงหรอก ยาที่ถูกโรคเท่านั้นที่จะทำให้หายเร็ว เพราะฉนั้นชีวิตของผู้เจ็บป่วยทุกคนมีหวังนะครับ "
วิธีการตรวจแบบโบราณ " การแมะ "
การแมะอยู่คู่กับการแพทย์แผนจีนมาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุคสมัยที่มนุษย์ยัง ไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัย มนุษย์จึงต้องเรียนรู้ที่จะต้องสังเกตุธรรมชาติว่า ในยามที่ร่างกายผิกปกติจะมีอาการใดสำแดงออกมาให้เห็นหรือสัมผัสได้บ้าง การสูบฉีดโลหิต คือ รหัสลับสำคัญ ชาวจีนจึงสั่งสมความรู้มาอย่างยาวนานนับพันปีกลายเป็นศาสตร์การวินิจฉัยโรค ที่น่ามหัศจรรย์นี้
การแมะ คือ การตรวจจับชีพจร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนการวินิจฉัยโรคของแพทย์แผนจีน โดยการใช้นิ้วทั้ง 3 นิ้วของแพทย์แตะสัมผัสชีพจรของผู้ป่วยบริเวณข้อมือซ้ายและขวาข้างละ 3 ตำแหน่ง รวมทั้งสองข้าง 6 ตำแหน่ง เพื่อให้ทราบถึงสภาวะทางร่างกายที่ตอบสนองต่อโรคภัยไข้เจ็บในขณะนั้น
การแพทย์แผนจีนเรียกขั้นตอนการวินิจฉัยโรคพื้นฐานว่า " เปี้ยนเจิง " มีทั้งหมดสี่ขั้นตอน การแมะหรือการตรวจจับชีพจรนั้นถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการวินิจฉัยโรคซึ่ง กว่าจะถึงขั้นตอนการแมะยังมีอีก 3 ขั้นตอนที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันและมักจะถูกละเลยจนไม่ได้รับการกล่าว ถึง
ขั้นตอนที่ 1 คือ การสำรวจมอง ตรวจดูสีหน้า แววชีวิต ลักษณะอาการ ดูว่าสีหน้าซีดคล้ำหรือมีประกายสดใส เลือดฝาดสมบูรณ์หรือไม่ บริเวณอวัยวะต่างๆสีผิวเป็นอย่างไร เช่น ถ้าบริเวณส่วนหูดำคล้ำส่วนใหญ่มักเป็นโรคไต ถ้ารูปร่างผอมแห้งผิวคล้ำมักจะเป็นโรคปอด หรือถ้าบริเวณเยื่อตาเหลืองหรือแดงมักเป็นโรคที่เกี่ยวกับตับ เป็นต้น อีกประการหนึ่งคือ การวิเคราะห์ลิ้นซึ่งสำคัญมากต้องดูทั่วทั้งลิ้น สีสันของลิ้น คราบเมือกบนลิ้น ซึ่งจะบอกถึงสภาวะภายในของร่างกายได้เป็นอย่างดี
ขั้นตอนที่ 2 คือ การฟังและการสัมผัสกลิ่น ถ้าเสียงพูดของคนไข้เบา ช้าและเหนื่อย แสดงถึงพลังชีหรือพลังลมปราณที่อ่อนแอ การพูดเสียงดังฟังชัด การโต้ตอบที่ชัดเจนรวดเร็ว แสดงถึงพลังชีที่สมบูรณ์แข็งแรง นอกจากนี้เสียงไอ เสียงกรน เสียงเรอ เสียงดังในท้อง กลิ่นตัว กลิ่นลมหายใจ กลิ่นปาก เหล่านี้ล้วนเป็นอาการที่ใช้ในการวินิจฉัยโรคได้ทั้งสิ้น
ขั้นตอนที่ 3 คือ การถาม นับเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก การถามที่ละเอียดและแยกแยะตรงประเด็นจะทำให้ทราบข้อมูลการเจ็บป่วยถึง 60-70% ช่วยให้การวิเคราะห์โรคได้ผลมากยิ่งขึ้น เช่น ถามอาการเจ็บป่วย เหงื่อ การขับถ่าย อาการปวดหัว เสมหะเหนียวข้นหรือใส หายใจหอบเหนื่อยหรือไม่ ลักษณะของการมีรอบเดือน ประวัติการเจ็บป่วยของคนในบ้าน เป็นต้น
และขั้นตอนสุดท้าย คือ การแมะ โดยแพทย์จะใช้นิ้วชี นิ้วกลางและนิ้วนางของแพทย์ วางลงบนตำแหน่งของชีพจรของคนไข้บริเวณข้อมือฝังหัวแม่โป้ง สำหรับข้อมือซ้ายของคนไข้ ตำแหน่งที่นิ้วชี้ของแพทย์สัมผัสข้อมือของคนไข้เรียกว่า " ฉุ่ง " เป็นตำแหน่งที่ใช้ตรวจลักษณะอาการของหัวใจและลำไส้เล็ก ตำแหน่งนิ้วกลางของแพทย์เรียกว่า " กวง " ใช้ตรวจลักษณะอาการของตับและดีและตำแหน่งสุดท้ายเป็นตำแหน่งที่นิ้วนางของ แพทย์สัมผัสกับข้อมือของคนไข้เรียกว่าตำแหน่ง " เฉียะ " ใช้ตรวจลักษณะอาการของไตและกระเพาะปัสสาวะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)