ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สุขภาพดีมีรายได้กับหมอเส็ง




สุขภาพดีมีรายได้กับหมอเส็ง

ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นลูกจ้าง คงยากที่จะ ร่ำรวย เหมือนพวกเจ้าของกิจการได้ เพราะวงเวียนลูกจ้างคือการขยันแต่ไม่รวย คนที่จะรวยได้ ต้องมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่การที่เราจะอยากจะมีธุรกิจเงินล้าน หรือแม้กระมั่งธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ ก็ล้วนต้องใ้ช้ เงินลงทุนจำนวนมาก และแน่นอนการทำงานหนัก หยุดทำเมื่อไหร่เงินก็หยุด ไม่สามารถมีอิสรภาพทางการเงิน และยังต้องมีทำเล มีค่าเช่าที่ ต้องลงทุนซื้อของเข้า จมทุนหากขายไม่ได้.
แต่จะดีกว่าไหมถ้าลงทุนเพียง 500 บาท ก็สามารถทำให้คุณมีธุรกิจเงินล้านมาครอบครอง มีระบบ stock สินค้า ระบบบัญชี โรงงานผลิตสินค้าได้มาตราฐาน ศูนย์กระจายสินค้า และการจดทะเบียนสินค้า และ สิ่งอื่นๆ ไว้ให้พร้อมหมดแ้ล้ว เหลือแค่เราแนะนำ สินค้าของบริษัทท่านให้คนรู้จัก รายได้มากหรือน้อยอยู่ที่เราว่าจะขยันแค่ไหน และเมื่อทำถึงจุดนึง ท่านหยุดได้แบบมีอิสรภาพทางการเงิน คือไม่ต้องทำงานแต่ยังมีเงินเข้าบัญชีทุกวัน อีกทั้งยังเป็นมรดกตกทอด เป็นธุรกิจของท่าน ไม่มีเจ้านาย ที่นี่ท่านเป็นนายตัวเอง แถมไม่มีความเสี่ยง เพราะไม่ต้องซื้อของมากักตุน เงินจ่ายจริง และ จ่ายทุกวัน ไม่้ต้องรอสิ้นเดือน.ท่านต้องตั้งใจทำแค่ไหน ต้องทุ่มเท แค่ไหน? ลองถามตัวเองง่ายๆ หากท่าเป็นเจ้าของธุรกิจใดซักอย่างนึง ถ้าท่านอยากประสบความสำเร็จ ท่านต้องตั้งใจ และ ทำงานแค่ไหน? ที่นี่ ก็เหมือนกัน หากแต่ไม่มีความเสี่ยงใดๆ และเป็นธุรกิจของท่าน 100%.สิ่งใดๆ ที่ท่านคิดว่ายาก เป็นเพียงเพราะท่านยังไม่รู้วิธีทำ แต่หากท่านเข้ามาเรียนรู้กับเรา จนมีความเข้าใจ สิ่งที่ท่านจะได้รับคือ ความรู้ในการเป็นเจ้าของกิจการ ความรู้ที่คนรวยต้องมี และเมื่อท่านมีความรู้ดังกล่าว ก็จะไม่มีอะไรยากอีกต่อไป ที่เหลือก็แค่ลงมือทำ!สิ่งที่ท่านต้องทำมีเพีัยง สมัครเพื่อเข้าร่วมธุรกิจ 500 บาท เพื่อรับยาชุดทดลอง มูลค่า 700 บาท เพื่อให้ลองใช้ดู และเมื่อใช้ดีก็บอกต่อ และเข้าอบรม หลักสูตรต่างๆ ที่จะพัฒนาตัวท่านให้ พร้อมที่จะเป็นเจ้าของกิจการนี้.


สนใจอยากร่วมงานกับยาสมุนไพรหมอเส็ง ติดต่อ สมัครสมาชิกได้ที่
TEL: 856 020 55670662
ความสำเร็จเริ่มต้นที่ก้าวแรก ท่านทำวันนี้ก็ได้ ทำวันพรุ่งนี้ก็ได้ แต่ทำไมต้องรอพรุ่งนี้ ในเมื่อท่านสามารถเริ่มต้นเข้าสู่หนทางสู่ อิสรภาพ ทางการเงินได้ตั้งแต่วันนี้เลย! อย่ามัวปล่อยให้เวลาผ่านไป โดยที่ตื่นนอนมาทุกวันแล้วได้รู้ว่ายังไม่รวย ยังไม่ประสบความสำเร็จซะที คนบางคนปล่อยให้ผ่านไปวันๆ จนแก่ก็ยังไม่รวย หาข้ออ้างต่างๆ นาๆ เพราะ ไม่กล้าตัดสินใจที่จะรวย ไม่มีใครห้ามคุณรวย มีแต่ตัวคุณห้ามตัวเอง ตัดสินใจเป็นคนรวยวันนี้ เข้ามาหาเรา แล้วเราจะบอกคุณเองว่า เค้าทำกันยังไงถึงจะรวย.TEL:020 55670662
สุขภาพของคุณมีค่าเท่าไหร่?
หากท่านมีปัญหาสุขภาพ ต่างๆ เช่น อาการ ทางประสาท อัลไซเมอร์ โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ โรคเก๊าท์ แขนขาไม่มีเรี่ยวแรง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ หลังเร็ว นกเขาไม่ขัน มีกลิ่นตัวแรง อัมพฤกษ์ อัมพาต เบาหวาน แผลรักษาไม่หาย และ อาการต่างๆ เกี่ยวกับมดลูกต่างๆ เช่น ปวดประจำเดือน หน่วงท้องน้อย มดลูกต่ำ ช่องคลอดไม่กระชับเนื่องจาก คลอดบุตรธรรมชาติ มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ มดลูกแห้งทำให้เจ็บเวลามีเพศสมัพันธุ์ ตกขาวเรื้อรัง รักษาที่ไหนไม่หาย แท้งลูกบ่อย หรือ ใบหน้าเป็นฝา ผิวหน้าด่างดำ ไม่ผ่องใส ไม่อยากพึ่งศัลยกรรม.



เราช่วยท่านได้ !!
ไม่มีอันตราย ยาทุกตัว มี อย. โรงงานผลิตได้มาตราฐาน และยาแต่ละตัวผ่านการรักษาคนไข้มาเป็นเวลานานจนได้ขึ้นทะเบียนยาสามัญประจำบ้าน และ ขึ้นทะเบียนเป็นสูตรยาสมุนไพรแผนโบราณ โดย หมอเส็ง หรือที่รู้จักกันในนาม "หมอเทวดา" สุดยอด หมอแมะ และ หมอปรุงยาสมุนไพร ชื่อดังของไทย ซึ่งปกติ จะมีแต่คนรวยเท่านั้นที่ได้มีสิทธิ์รักษา และวันนี้ โอกาสนั้นมาถึง ท่านแล้ว เห็นผลเร็ว กินแล้วหยุดกินได้ รับให้คำปรึกษาเรื่องสุขภาพ และ สามารถนัดมาตรวจรักษา กับหมอเส็งได้โดยตรง.
ยาตำรับหมอเส็งดียังไง
ยาของหมอเส็ง ได้รับการยอมรับมาเป็นเวลานานว่าเป็นสุดยอดยาสมุนไพรไทย โดยผ่านการรักษาคนไข้มาเป็นเวลานาน โดยสมัยก่อน หมอเส็งจะรักษาคนไข้ครั้งหนึ่งจะมีค่าใช้จ่ายนับหมื่นบาท เนื่องจากยาที่ใช้ผลิตจากวัตถุดิบชั้นเลิศจึงมีราคาแพง แต่ ยาตำรับหมอเส็ง เห็นผลเร็ว กินแล้วเห็นผลใน 3 วัน 7 วัน โดยเรามีประวัติ โดยระเอียดของหมอเส็ง ซึ่งได้รับการตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี 2535 มาให้ทุกท่านได้รับชมเป็นข้อมูลกัน เพื่อให้รู้จัก และมั่นใจใน ยาตำรับหมอเส็งมากยิ่งขึ้น.

โรคเบาหวาน Diabetes


โรคเบาหวาน Diabetes



โรคเบาหวาน (Diabetes Millitus)
เกิดจากตับอ่อนสร้าง "ฮอร์โมนอินซูลิน" (Insulin) ได้น้อย หรือไม่ได้เลย ฮอร์โมนชนิดนี้มีหน้าที่คอยช่วยให้ร่างกายเผาผลาญน้ำตาลมาใช้เป็นพลังงาน เมื่ออินซูลินในร่างกายไม่พอ น้ำตาลก็ไม่ถูกนำไปใช้ ทำให้เกิดการคั่งของน้ำตาลในเลือดและอวัยวะต่างๆ เมื่อน้ำตาลคั่งในเลือดมากๆ ก็จะถูกไตกรองออกมาในปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะหวานหรือมีมดขึ้นได้


โรคเบาหวาน เป็นโรคเรื้อรังที่ไม่หายขาด และเป็นโรคทางพันธุกรรม โดยพ่อแม่ที่เป็นเบาหวานมีโอกาสถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้ นอกจากพันธุกรรมแล้ว สิ่งแวดล้อม วิธีการดำเนินชีวิต การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย ก็มีส่วนสำคัญต่อการเกิดเบาหวานด้วย เช่น อ้วนเกินไป (หรือกินหวานมากๆ จนอ้วน ก็อาจเป็นเบาหวานได้) มีลูกดก หรือเกิดจากการใช้ยา เช่น สเตอรอยด์ ยาขับปัสสาวะ, ยาเม็ดคุมกำเนิด หรืออาจพบร่วมกับโรคอื่นๆ เช่น ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง, มะเร็งของตับอ่อน, ตับแข็งระยะสุดท้าย เป็นต้น


ลักษณะโดยทั่วไปของผู้ป่วยโรคเบาหวาน จะมีอาการปัสสาวะบ่อยและมาก เนื่องจากน้ำตาลที่ออกมาทางไตจะดึงเอาน้ำจากเลือดออกมาด้วย จึงทำให้มีปัสสาวะมากกว่าปกติ เมื่อถ่ายปัสสาวะมาก ก็ทำให้รู้สึกกระหายน้ำต้องคอยดื่มน้ำบ่อยๆ และด้วยความที่ผู้ป่วยไม่สามารถนำน้ำตาลมาเผาผลาญเป็นพลังงาน จึงหันมาเผาผลาญกล้ามเนื้อและไขมันแทน ทำให้ร่างกายผ่ายผอม ไม่มีไขมัน กล้ามเนื้อฝ่อลีบ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง นอกจากนี้ การมีน้ำตาลคั่งอยู่ในอวัยวะต่างๆ ทำให้อวัยวะต่างๆ เกิดความผิดปกติ และนำมาซึ่งภาวะแทรกซ้อนมากมาย

เบาหวาน แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
- โรคเบาหวานชนิดที่1 เกิดจากภูมิต้านทานของร่างกายทำลายเซลล์ที่สร้างอินซูลินในตับอ่อน ทำให้ร่างกายหยุดการสร้างอินซูลิน ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 จึงจำเป็นต้องฉีดอินซูลิน เพื่อควบคุมน้ำตาลในเลือดระยะยาว
- โรคเบาหวานชนิดที่ 2 สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบชัดเจน แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม นอกจากนี้ ยังมีความสัมพันธ์กับภาวะน้ำหนักตัวมาก การขาดการออกกำลังกาย และวัยที่เพิ่มขึ้น เซลล์ของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ยังคงมีการสร้างอินซูลิน แต่ทำงานไม่เป็นปกติเนื่องจากมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้เซลล์ที่สร้างอินซูลินค่อยๆถูกทำลายไป บางคนเริ่มมีภาวะแทรกซ้อนโดยไม่รู้ตัว และต้องการยาในการรับประทาน และบางรายต้องใช้อินซูลินชนิดฉีด เพื่อควบคุมน้ำตาลในเลือด

อาการ โรคเบาหวาน
- ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะบ่อย (และออกครั้งละมากๆ ) กระหายน้ำ ดื่มน้ำบ่อย หิวบ่อย หรือกินข้าวจุ อ่อนเพลีย บางคนอาจสังเกตว่าปัสสาวะมีมดขึ้น
- หากเป็นเบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน อาการต่างๆ มักเกิดขึ้นรวดเร็วร่วมกับน้ำหนักตัวที่ลดลงฮวบฮาบ ในช่วงระยะเวลาเพียงสัปดาห์หรือหนึ่งเดือน โดยในเด็กบางคนอาจมีอาการปัสสาวะรดที่นอนตอนกลางคืน
- สำหรับคนที่เป็นเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน อาการมักค่อยเป็นค่อยไปแบบเรื้อรัง ผู้ป่วยมักมีรูปร่างอ้วน หญิงบางคนอาจมาหาหมอด้วยอาการคันตามช่องคลอดหรือตกขาว ในรายที่เป็นไม่มาก อาจไม่มีอาการผิดปกติอย่างชัดเจน และตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจปัสสาวะหรือตรวจเลือดขณะที่ไปหาหมอด้วยโรคอื่น
- บางคนมีอาการคันตามตัว เป็นฝีบ่อย หรือเป็นแผลเรื้อรังรักษาหายยาก
- ผู้หญิงบางคนอาจคลอดทารกที่มีน้ำหนักมากกว่าธรรมดา หรืออาจเป็นโรคครรภ์เป็นพิษ หรือคลอดทารกที่เสียชีวิตแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ในรายที่เป็นมานานโดยไม่ได้รับการรักษา อาจมาหาหมอด้วยภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ชาหรือปวดแสบปวดร้อนตามปลายมือปลายเท้า ตามัวลงทุกที หรือต้องเปลี่ยนแว่นสายตาบ่อยๆ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น


อาการแทรกซ้อนต่างๆ มักจะเกิดเมื่อเป็นเบาหวานมานาน โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างจริงจัง หรือปล่อยปละละเลย ทั้งนี้ โรคแทรกซ้อนที่อาจพบได้ เช่น
1. ตา อาจเป็นต้อกระจกก่อนวัย ประสาทตาหรือจอตา (retina) เสื่อม หรือเลือดออกในน้ำวุ้นลูกตา (vitreous hemorrhage) ทำให้มีอาการตามัวลงเรื่อยๆ หรือมองเห็นจุดดำลอยไปลอยมา และอาจทำให้ตาบอดในที่สุด
2. ระบบประสาท ผู้ป่วยอาจเป็นปลายประสาทอักเสบ มีอาการชาหรือปวดร้อนตามปลายมือปลายเท้า ซึ่งอาจทำให้มีแผลเกิดขึ้นที่เท้าได้ง่าย (อาจลุกลามจนเท้าเน่า) บางคนอาจมีอาการวิงเวียนเนื่องจากมีภาวะความดันตกในท่ายืน บางคนอาจไม่มีความรู้สึกทางเพศ ท้องเดินตอนกลางคืนบ่อย หรือกระเพาะปัสสาวะไม่ทำงาน (กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือไม่มีแรงเบ่งปัสสาวะ)
3. ไต มักจะเสื่อมจนเกิดภาวะไตวาย มีอาการบวม ซีด ความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุการตายของผู้ป่วยเบาหวานที่พบได้ค่อนข้างบ่อย
4. ผนังหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis) ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง , อัมพาต , โรคหัวใจขาดเลือด ถ้าหลอดเลือดที่เท้าตีบแข็ง เลือดไปเลี้ยงเท้าไม่พอ อาจทำให้เท้าเย็นเป็นตะคริว หรือปวดขณะเดินมากๆ หรืออาจทำให้เป็นแผลหายยาก หรือเท้าเน่า (ซึ่งอาจเกิดร่วมกับการติดเชื้อ)
5. เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากภูมิต้านทานโรคต่ำ เช่น วัณโรคปอด, กระเพาะปัสสาวะอักเสบ, กรวยไตอักเสบ, ช่องคลอดอักเสบ, เป็นฝีพุพองบ่อย, เท้าเป็นแผลซึ่งอาจลุกลามจนเท้าเน่า (อาจต้องตัดนิ้วหรือตัดขา) เป็นต้น
6. ภาวะคีโตซิส (Ketosis) พบเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน ที่ขาดการฉีดอินซูลินนานๆ ร่างกายจะมีการคั่งของสารคีโตน ซึ่งเกิดจากการเผาผลาญไขมัน ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน กระหายน้ำอย่างมาก หายใจหอบลึก และลมหายใจมีกลิ่นหอม มีไข้ กระวนกระวาย มีภาวะขาดน้ำรุนแรง (ตาโบ๋ หนังเหี่ยว ความดันต่ำ ชีพจรเบาเร็ว) อาจมีอาการปวดท้อง ท้องเดิน ผู้ป่วยจะซึมลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดสติ หากรักษาไม่ทันอาจตายได้


ยาบำรุงร่างกายเบอร์2 ตราหมอเส็ง และขมิ้นชันตราหมอเส็ง ทั้งสองตัวนี้ควรกินควบคู่กัน ยาบำรุงร่างกายมีส่วนช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ปรับสมดุลภายใน ส่วนขมิ้นชันจะไปขจัดสารพิษ ช่วยให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินให้ร่างกาย

หน้ามืด


หน้ามืด



โรคนี้เกิดจากภาวะของเส้นเลือดแดง มีลักษณะผนังหนาขึ้น รูตีบแคบลง ความยืดหยุ่นน้อยลง ทำให้ทางเดินของเลือดที่ลำเลียงออกซิเจนและอาหารไปที่สมองแคบลง การหมุนเวียนของเลือดจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก ปริมาณเลือดไปเลี้ยงสมองจึงไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายแสดงความผิดปกติต่าง ๆ เกิดขึ้น

ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตเนื่องจากเนื้อสมองตาย(Cerebral Infarction) มากถึงประมาณ 90,000 คนและ 10 % จากจำนวนนี้มีสาเหตุจากโรคเส้นเลือดที่สมองอุดตัน และคาดว่าจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ฉนั้นหากคุณเป็นคนที่ชอบรับประทานอาหารมันๆ จึงต้องพึงระวังโรคนี้ไห้ดี

กลุ่มเสี่ยง
บุคคลที่มีพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่ถูกต้อง กลุ่มคนที่มีอาการความดันโลหิตสูงและครอบครัวที่มีประวัติผู้สูงอายุเป็นโรค เบาหวาน ความดันโลหิตสูง อ้วน ไขมันในเลือดสูง เครียด ไม่ออกกำลังกายและพักผ่อนน้อย
อาการที่พึ่งระวัง อาการหน้ามืด สมรรถภาพในการมองเห็นน้อยลง ได้ยินเสียงก้องในหู

วิธีการรักษา
ในระยะเริ่มต้นที่แสดงอาการชั่วคราวแล้วดีขึ้นเอง แพทย์จะให้รับประทานยาเพื่อป้องกันการจับกลุ่มของเลือด และในการรักษาจำเป็นต้องรับประทานยาในระยะยาว กรณีที่อาการอยู่ในช่วงที่หลอดเลือดถูกอุดตันไปแล้ว ถ้ามาถึงโรงพยาบาลเร็วแพทย์จะรักษาโดยการฉีดยาละลายลิ่มเลือดเข้าทางหลอด เลือดดำทันที หรือแพทย์อาจเลือกใช้วิธีใส่สายสวนเข้าไปขยายหลอดเลือดเข้าไปขยายหลอดเลือด ที่ตีบนั้นออกแล้วจ่ายยาให้รับประทานต่อไป


รู้ไว้ไกลโรค
ตัวอย่างอาหารที่มีปริมาณคลอเลสเตอรอลมากที่สุดไปหาน้อยที่สุด สำหรับความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับปริมาณคลอเลสเตอรอลในอาหารแต่ละชนิด จำนวน 1 จาน
1. พิซซ่า คลอเลสเตอรอล 876 แคลอรี่ ไขมัน 48 กรัม
2. ข้าวมันไก่ คลอเลสเตอรอล 596 แคลอรี่ ไขมัน 24.7 กรัม
3. กระเพราไก่ไข่ดาว คลอเลสเตอรอล 554 แคลอรี่ ไขมัน 21.2 กรัม
4. ขนมจีน คลอเลสเตอรอล 483 แคลอรี่ ไขมัน 16.3 กรัม
5. ข้าวขาหมู คลอเลสเตอรอล 450 แคลอรี่ ไขมัน 16.4 กรัม


ข้อมูลจากโรงพยาบาลพญาไท

คอเลสเตอรอล


คอเลสเตอรอล

คอเลสเตอรอล (Cholesterol) คือ สารไขมันคล้ายขี้ผึ้งที่ปรากฏอยู่ในทุกเซลล์ของร่างกาย เนื่องจาก cholesterol มีความสำคัญต่อร่างกายมาก จนกระทั่งร่างกายจำเป็นต้องมีขบวนการสร้าง cholesterol ขึ้นเอง ทั้งนี้เพื่อประกันว่าจะมี cholesterol อยู่เสมอ ขณะที่ cholesterol อีกส่วนหนึ่ง ร่างกายจะได้จากอาหาร จำพวก นม เนย ไข่ และเนื้อสัตว์ แต่เนื่องจากพืชไม่สร้าง cholesterol ดังนั้นอาหารจำพวกพืชจึงปราศจาก cholesterol

ปกติร่างกายจะรักษาความสมดุลของ cholesterol ให้คงที่เสมอ กล่าวคือ ถ้ากินอาหารพวกเนื้อสัตว์มาก ร่างกายก็จะลดการสร้าง cholesterol ลง ในทางตรงข้ามถ้ากินอาหารที่เป็นพืชมากร่างกายก็จะสร้าง cholesterol เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชย โดย cholesterol ส่วนเกินจะถูกส่งไปที่ตับในน้ำดี และถูกกำจัดออกทางอุจจาระ


การสูงขึ้นของระดับ cholesterol ที่ผิดปกติ มีสาเหตุหลัก 2 ประการ คือ จากพันธุกรรม และพฤติกรรมการกินอาหารของแต่ละบุคคล และอาจรวมถึงสาเหตุอื่นด้วย เช่น การขาดการออกกำลังกาย และการสูบบุหรี่เป็นต้น


ไขมันในเลือด มี 3 ประเภทดังนี้

1) LDL (low density lipoprotein) LDL Cholesterol เป็นไขมันตัวร้าย ถ้ามีมากจะสะสมในหลอดเลือดแดง มาจากการบริโภคอาหารที่มี คอเลสเตอรอลสูง ยิ่งระดับ LDL-C สูงเท่าไหร่ อัตราการเป็นโรคหัวใจก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
2) HDL (high density lipoprotein) HDL Cholesterol เป็นไขมันตัวดี มีหน้าที่กำจัดคอเลสเตอรอลออกจากผนังเส้นเลือด และป้องกันการเกิดเส้นเลือดแข็งตัว ดังนั้นการมีระดับ HDL-C ในเลือดสูง จะลดอัตราเสี่ยงจากการเกิดโรคหัวใจตีบตัน หัวใจแข็งตัวได้
3) TG (Triglyceride) เป็นไขมันอีกชนิดหนึ่งในกระแสเลือดเปรียบเสมือน "ผู้ช่วยตัวร้าย" ได้มาจากไขมันที่มาจากทั้งพืชและสัตว์ TG มีประโยชน์ในการช่วยดูดซึมวิตามิน A D E K แต่ถ้ามีระดับ TG ในเลือดสูงเกินไปพร้อมกับระดับ LDL-C สูงด้วย จะยิ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดและทำให้ตับอ่อนอักเสบ


คอเลสเตอรอลกับหัวใจ จากการวิจัยของต่างประเทศพบว่า คอเลสเตอรอลเริ่มสะสมตามหลอดเลือดหัวใจได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี และจะอันตรายยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรมเป็นโรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้ตับสร้างคอเลสเตอรอลมากกว่าปกติ หากพบว่ามีความเสี่ยงดังกล่าวและผลตรวจร่างกายชี้ชัดว่ามีปริมาณคอเลสเตอรอลสูง ควรรีบไปพบแพทย์

คอเลสเตอรอลกับสมอง เมื่อคอเลสเตอรอลเข้าไปสะสมในเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองไม่ว่าจะบริเวณใดก็ตาม จะก่อให้เกิดความผิดปกติบริเวณนั้นๆ เช่น หากเส้นเลือดบริเวณสมองส่วนควบคุมการทรงตัวเกิดตีบ ตัน หรือแตก ร่างกายก็สูญเสียการควบคุมการทรงตัว กลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตหรือพาร์คินสัน หากเกิดกับเส้นเลือดสมองส่วนควบคุมการรับรู้ อาจทำให้ความจำเสื่อม เป็นอัลไซเมอร์ เป็นต้น แต่ก่อนที่อาการผิดปกติของเส้นเลือดจะส่งผลถึงสมอง มักจะเกิดขึ้นกับหัวใจก่อนเสมอ

คอเลสเตอรอลกับตับและไต หากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตับหรือไตเกิดอาการตีบ แตกหรือตัน ก็อาจทำให้ตับหรือไตสูญเสียการทำงาน ถึงขั้นตับวายหรือไตวายจนเสียชีวิตได้

ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ส่วนมากคงจะคุ้นเคยกับคอเลสเตอรอล ซึ่งมีผลต่อการตีบตันของหลอดเลือดแดงในร่างกาย แต่ยังมีไขมันในเลือดอีกตัวหนึ่งคือไตรกลีเซอไรด์ ที่มีผลเสียต่อสุขภาพของหลอดเลือดแดงเช่นกันถ้าระดับของไขมันในเลือดสูง ไตรกลีเซอไรด์คล้ายโคเลสเตอรอลที่สามารถทำให้เกิดโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดได้โดยตัวมันเอง จากงานวิจัยพบว่าแม้คอเลสเตอรอลในเลือดจะมีระดับปกติ แต่ถ้าไตรกลีเซอไรด์สูงจะทำให้สามารถเกิดโรคได้คือ เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้ถ้าระดับไตรกลีเซอไรด์สูงมากจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคตับอ่อนอักเสบ ซึ่งถ้าเป็นรุนแรงอาจทำให้ตายได้


ในทางเคมีไตรกลีเซอไรด์ เป็นสารประกอบที่มีกรดไขมัน 3 โมเลกุล ซึ่งถูกทำให้เป็นเกลือเอสเตอร์ ที่เรียกว่ากลีเซอรอล ไตรกลีเซอรอลเป็นไขมันที่เป็นกลาง สังเคราะห์มาจากคาร์โบไฮเดรตแล้วเอาไปเก็บไว้ในเซลล์ไขมัน เมื่อเซลล์ไขมันถูกย่อย มันจะปล่อยกรดไขมันออกมาสู่กระแสเลือด ถ้าคุณมีระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง ควรจะเปลี่ยนวิถีชีวิตการกินอยู่ให้ดีขึ้น เช่นลด ละ เลิก อาหารบางอย่างร่วมกับการออกกำลังกาย


คนที่มีความเสี่ยงต่อไตรกลีเซอไรด์สูง
- คนอ้วน
- ดื่มแอลกอฮอล์ สารตัวนี้ทำให้ตับผลิต ไตรกลีเซอไรด์ มากขึ้น และลดการกำจัดไขมันจากเลือด ทำให้ระดับไขมันในเลือดสูง
- กินอาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะของหวานที่มีน้ำตาลมาก น้ำตาลส่วนเกินจะเปลี่ยนไปเป็น ไตรกลีเซอไรด์
- อายุมาก คนที่อายุมากจะมีระดับ ไตรกลีเซอไรด์ สูงขึ้นด้วย
- ยาบางตัวทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์เพิ่มสูงขึ้น เช่น ยาขับปัสสาวะ ไธอาไซด์(Thiazide diuretics) การให้ฮอร์โมนรักษาโรคคุมกำเนิดบางตัว
- พันธุกรรม
- จากโรคบางชนิด ได้แก่ เบาหวานชนิดที่ 2 ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย โรคตับ และโรคไต


ระดับไตรกลีเซอไรด์ที่สูงสามารถทำให้ลดลงได้ ด้วยการควบคุมอาหาร คือลดอาหารประเภทไขมัน น้ำตาล และแอลกอฮอล์ การลดน้ำหนักและออกกำลังกายวันละ 30 นาที ก็สามารถลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้ การกินอาหารประเภทปลา ซึ่งมีกรดไขมันโอเมก้า 3 สามารถทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลงได้ นักวิจัยพบว่า กรดไขมันโอเมก้า 3 จากน้ำมันปลามีฤทธิ์ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และเพิ่มระดับ (HDL)คอเลสเตอรอลตัวที่ดี ซึ่งทำให้ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือดและอัมพาต อัมพฤกษ์ได้

มีลูกยาก

มีลูกยาก




"ภาวะมีลูกยากหมายถึงการที่คู่สมรสไม่ตั้งครรภ์ใน 1 ปี ทั้งๆ ที่มีเพศสัมพันธ์กันสม่ำเสมอ และไม่ได้คุมกำเนิด"

การที่คนเราจะมีลูกได้นั้น สามีต้องมีเชื้ออสุจิที่แข็งแรง ภรรยาต้องมีไข่ซึ่งเกิดจากรังไข่ที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ทั้งก่อนและหลังไข่ตก "เชื้ออสุจิ" ต้องพบกับ "ไข่" ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ซึ่งโดยปกติสถานที่นัดพบครั้งแรกจะเป็น "ท่อนำไข่" ดังนั้น "ท่อนำไข่" ต้องสะดวกในการเดินทางและมีบรรยากาศที่ไม่เป็นพิษ เมื่อพบกันอสุจิต้องผสมกับไข่ให้ได้ เพราะทั้งสองมีอายุการใช้งานที่สั้นเพียง 24-48 ชั่วโมงเท่านั้น การผสม (Fertilization) ต้องพอเหมาะพอดี เร็วเกินไปหรือช้าเกินไปจะได้ "ตัวอ่อน" ที่ไม่ดี


ตัวอ่อนที่ได้จากการผสมจะเดินทางในท่อนำไข่เข้าหาโพรงมดลูก ซึ่งในระหว่างทางจะแบ่งตัวและเติบโตแต่ห้ามมีอะไรมาขัดขวาง มิฉะนั้น "ตัวอ่อน" จะตายหรือหยุดลงฝังตัวตรงนั้น "ตัวอ่อน" เดินทางในท่อนำไข่ 5-7 วันก็ถึงโพรงมดลูกสักระยะหนึ่ง และฝังตัวในราววันที่ 7-9 นับแต่วันที่ปฏิสนธิ มดลูกของสตรีจึงมีคุณค่าในการรักษาชีวิต "ตัวอ่อน" ต่อแต่นี้ไป หากมดลูกไม่ดี เช่นมีเนื้องอกหรือเยื่อโพรงมดลูกบางเกินไป "ตัวอ่อน" อาจฝังตัวไม่ได้ และตายไปสตรีผู้นั้นก็จะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้


ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า คนเราจะเกิดมาได้ ต้องมีองค์ประกอบสมบูรณ์ดี อย่างน้อย 5 ประการ
1. ฝ่ายชายต้องมี "เชื้ออสุจิ" จำนวนมากพอสมควร แข็งแรงและเคลื่อนไหวได้ดี
2. ฝ่ายหญิงต้องมี "ไข่" ที่สมบูรณ์ดีและมีการตกไข่ที่สม่ำเสมอ
3. มูกปากมดลูก ต้องมีคุณภาพดีปริมาณพอเหมาะ และเป็นมิตรคอยช่วยเหลือการเดินทางของ "อสุจิ" จนถึงจุดหมายปลายทาง
4. เส้นทาง ตั้งแต่ปากมดลูก, โพรงมดลูกและท่อนำไข่ ต้องดี สะดวกไม่มีอุปสรรคขัดขวางทั้งขาไปและขากลับ
5. มดลูกต้องดี ไม่มีเนื้องอก เยื่อบุโพรงมดลูกต้องหนาพอที่จะรองรับการฝังตัวและเจริญเติบโตของ "ตัวอ่อน" อย่างไม่มีปัญหา จนถึงกำหนดคลอดออกมา


ปัญหาของการมีบุตรยากร้อยละ 40 มาจากฝ่ายชาย ร้อยละ 50 มาจากฝ่ายหญิง และร้อยละ 10 มาจากปัญหาอื่น ๆหรือที่ยังระบุสาเหตุไม่ได้ ปัญหาของฝ่ายชายอยู่ที่คุณภาพ และปริมาณอสุจิ (สเปิร์ม / sperm) ไม่ดีพอ เช่น เป็นหมัน สูบบุหรี่ อัณฑะถูกความร้อน (เช่น ขี่มอเตอร์ไซค์ที่อานตากแดดจนร้อนโดยไม่หาอะไรรอง เพื่อกันความร้อน วางคอมพิวเตอร์แลปทอปไว้บนตัก แช่น้ำอุ่น อบเซาน่า ฯลฯ) นอกจากนั้นการได้รับสารเคมี เช่น ตะกั่วจากหม้อก๋วยเตี๋ยวที่เชื่อมด้วยตะกั่ว ตะกั่วจากหมึกพิมพ์ (เช่น อ่านหนังสือพิมพ์แล้วไม่ล้างมือก่อนกินข้าว ฯลฯ) ก็ทำให้อสุจิของฝ่ายชายเสื่อมสภาพได้เช่นกัน


ปัญหาของฝ่ายหญิงอาจเกิดจากการตกไข่ผิดปกติ หรือทางเดินของไข่จากรังไข่ไปยังท่อรังไข่ โพรงมดลูก ปากมดลูก หรือช่องคลอด ตัวอย่างเช่น ถ้าฝ่ายหญิงติดเชื้อกามโรค เช่น หนองในเทียม ฯลฯ มาก่อน อาจทำให้ท่อรังไข่ตีบตันได้



ปัญหาอื่นๆ หรือไม่ทราบสาเหตุ เช่น ความเครียด มีเพศสัมพันธ์ถี่หรือห่างมากเกินไป


ยาน้ำว่านชักมดลูกสูตร1 ตราหมอเส็ง ช่วยแก้ปัญหาที่ฝ่ายหญิง
และยาน้ำกระชายดำสูตร2 ตราหมอเส็ง ช่วยแก้ปัญหาที่ฝ่ายชาย

ยาน้ำว่านชักมดลูกสูตร 1 ตราหมอเส็ง


ยาน้ำว่านชักมดลูกสูตร 1 ตราหมอเส็ง




ส่วนประกอบ : ในน้ำยา 2,255 ซีซี เตรียมจากส่วนประกอบสำคัญ
ว่านชักมดลูก 100 กรัม
เล็กตี่อึ้ง 100 กรัม
ฝาง 100 กรัม
โกฐเชียง 100 กรัม
และตัวยาอื่นๆ

วิธีรับประทาน
รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ หรือ 30 ซีซี
วันละ 2 ครั้ง (ก่อนอาหาร) เช้า – เย็น

ว่านชักมดลูก เป็นสมุนไพรไทยใช้สำหรับดูแลความสะอาดภายในช่องคลอดของสตรี ว่านชักมดลูก ให้คุณประโยชน์กับสุภาพสตรีอย่างมหาศาล(ถ้ารู้จักใช้ให้ถูกต้อง)
คุณค่าของว่านชักมดลูก แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ

ส่วนที่ 1.ใช้เป็นสมุนไพรดูแลความสะอาดภายในช่องคลอด
1.1 ใช้ว่านชักมดลูกช่วยดูแลอาการมดลูกต่ำ มดลูกโต มดลูกบาง หรือปวดหน่วงมดลูกเป็นประจำ
1.2 แก้หน่วง เสียวท้องน้อย หรือปีกมดลูกทั้ง 2 ข้าง
1.3 แก้ปวดประจำเดินอย่างรุนแรงระหว่างมีรอบเดือน
1.4 ช่วยป้องกันไม่ให้แท้งบุตรง่าย หรือตกเลือด
1.5 ช่วยลดอาการระดูขาว หรือมุตกิดเรื้อรังที่เป็นมานานในสุภาพสตรี
1.6 ดับกลิ่นภายในช่องคลอดอย่างมหัศจรรย์
1.7 ช่วยให้ความอบอุ่นกับร่างกาย ช่วยลดอาการมือ-เท้าเย็น, ขี้หนาว, หนาวในอก
1.8 ช่วยลดอาการเจ็บหรือปวดภายในช่องคลอดเวลาร่วมเพศ


ส่วนที่ 2.ปรุงเป็นอาหารเสริมสร้างร่างกายที่เสื่อมโทรมให้แข็งแรง
2.1 ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น มีน้ำมีนวล ผิวลื่นละเอียดขึ้น
2.2 ช่วยบำรุงผิวหน้าที่เหี่ยวย่นและหยาบก้านมาก ๆ ให้ดีขึ้น
2.3 ช่วยเสริมสร้างหญิงที่มีหน้าท้องที่เหี่ยวย่น หรือหย่อนยานที่เกิดจาก การคลอดบุตร ให้หายไป
2.4 ช่วยให้ภายใน และปากช่องคลอดกระชับเหมือนสาว ๆ อย่างมหัศจรรย์
2.5 ช่วยเสริมสร้างสตรีที่มีอารมณ์ทางเพศบกพร่องให้สมบูรณ์เป็นปกติ
2.6 ช่วยให้สตรีที่มีอายุเริ่มเข้าวัยกลางคนที่ไม่มีน้ำหล่อลื่นภายในช่องคลอด ให้มีน้ำหล่อลื่นเป็นปกติเหมือนธรรมชาติ
2.7 คนโบราณใช้ว่านชักมดลูกหลังการคลอดบุตร ใช้แทนการอยู่ไฟ ช่วยเสริมสร้างน้ำนมของคุณแม่


ยาน้ำกระชายดำสูตร 2 ตราหมอเส็ง

ยาน้ำกระชายดำสูตร 2 ตราหมอเส็ง

ในน้ำยา 2030 ซีซี ส่วนประกอบสำคัญผลิตมาจาก
กระชายดำ 100 กรัม
โสมเกาหลี 90 กรัม
โกฐเชียง 85 กรัม
อึ้งคี้ 85 กรัม
กำลังเสือโคร่ง 85 กรัม
กำลังวัวเถลิง 85 กรัม
และตัวยาอื่นๆ

วิธีรับประทาน
รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 ครั้งหลังอาหาร

สรรพคุณ ยาน้ำกระชายดำ สูตร 2 ตราหมอเส็งมีสมุนไพรรวมกว่า 61 ชนิดช่วยให้อารมณ์ทางเพศของผู้ชายมีความสมบูรณ์ขึ้น มีปริมาณน้ำเชื้อมากขึ้น และยังบำรุงร่างกาย แก้อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย เหน็บชา ปวดหลัง
ปวดคอ ปวดเข่า ช่วยบำบัดอาการของโรคเก๊าต์ รูมาตอยล์เรื้อรัง บำบัดอาการโลหิตจาง มึนศีรษะ หน้ามืด
เป็นลมบ่อย ช่วยบำบัดคนที่มีโลหิตจาง มึนศีรษะ ช่วยบรรเทาอาการเหน็บชา ช่วยบรรเทาอาการต่อมลูกหมากโต

ขมิ้นชันตราหมอเส็ง

ขมิ้นชันตราหมอเส็ง

ส่วนประกอบสำคัญ : ใน 1 แค็ปซูล

ผงขมิ้นชัน 30% (150 มิลลิกรัม)
ผงใบสะระแหน่ 10% (50 มิลลิกรัม)
ผงเมล็ดเก๋ากี้ 10% (50 มิลลิกรัม)
ผงดอกเก็กฮวย 10% (50 มิลลิกรัม)
ผงรากบัวหลวง 9% (45 มิลลิกรัม)
ผงใบพลูคาว 7% (35 มิลลิกรัม)
ผงรากตังกุย 4% (20 มิลลิกรัม)
และอื่นๆอีก

วิธีรับประทาน
รับประทานครั้งละ 2 – 4 แคปซูล
วันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น

ขมิ้นชันตราหมอเส็งมีสรรพคุณไม่เหมือนกับขมิ้นชันทั่วไป เพราะในขมิ้นชันตราหมอเส็งประกอบไปด้วยสมุนไพร 32 ชนิดเป็นสูตรพิเศษ ปรุงขึ้นโดยเฉพาะโดยคุณหมอเส็ง นอกจากมีส่วนช่วยในการรักษาโรคกระเพาะอาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง หรือปวดท้อง ช่วยย่อยอาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณพิเศษช่วยในการขับสารพิษภายในร่างกายด้วย ไม่ว่าจะเป็นสารพิษที่เกิดจากอากาศที่เป็นมลพิษ หรือสารพิษจากยารักษาโรค ที่เรากินเข้าไปทุกวัน แล้วตกค้างอยู่ในร่างกาย ช่วยในการกำจัดกลิ่นทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น กลิ่นปาก กลิ่นน้ำลาย กลิ่นลมหายใจ กลิ่นจมูกที่เกิดจากไซนัส กลิ่นตัว กลิ่นเท้า ที่เกิดจากการใส่รองเท้า กลิ่นที่อับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กลิ่นช่องคลอด กลิ่นอับชื้นตามซอกแขน ซอกขา กลิ่นสาปของคนสูงอายุ หรือกลิ่นเหม็นเปรี้ยวต่างๆเป็นต้น