ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ความสำคัญของการเป็นต้นแบบที่ถูกต้อง


ความสำคัญของการเป็นต้นแบบที่ถูกต้อง

ผม มีโอกาสได้เข้าร่วมงานประชุมครูภาษาอังกฤษงานหนึ่ง ซึ่งประธานในพิธีเปิดได้พูดถึงเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง และผมเองก็เห็นว่าเรื่องนี้ น่าจะเป็นประโยชน์กับการทำธุรกิจเครือข่าย ซึ่งเรื่องนี้ก็คือความสำคัญของการเป็นต้นแบบที่ถูกต้อง เพราะไม่ว่าจะในศาสตร์ใด ต้นแบบมีความสำคัญสูงเสมอ เพราะคนที่กำลังจะฝึกฝนศาสตร์นั้น ๆ จำเป็นต้องเรียนรู้จากต้นแบบและทำตามในสิ่งที่ต้นแบบสอนเสมอ จนกว่าพวกเขาจะมีความเชี่ยวชาญ คุณอยากเข้าใจถึงความสำคัญของการเป็นต้นแบบที่ถูกต้องหรือยัง ?

การมีต้นแบบนั้นสำคัญต่อการฝึกฝนของผู้ที่ ไม่มีความรู้มาก่อน ก็เพราะว่าพวกเขาจะทำแบบเดียวกับ ที่ต้นแบบทำ และเป็นแบบเดียวกับที่ต้นแบบเป็น ซึ่งนี่ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ 100% เพราะนี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้ทีมงานไม่สามารถประสบความสำเร็จ ได้ตามที่หวังไว้

การเริ่มต้นทำสิ่งใด ๆ ก็เปรียบเสมือนการติดกระดุมเสื้อ ถ้าติดผิดตั้งแต่เม็ดแรก ก็จำเป็นต้องใช้เวลานานในการแก้ไข แต่ในชีวิตจริงยิ่งกว่านั้น เพราะกระดุมเสื้ออาจจะมีเพียงไม่กี่เม็ด แต่ถ้าเปรียบเทียบกระดุมเสื้อ เป็นเส้นทางของชีวิตของคนเราย่อมยาวกว่า จนแทบไม่สามารถจะบอกจำนวนได้ เพราะเราผ่านการใช้ชีวิตแบบผิด ๆ มาเป็น สิบ ๆ ปี นั่นเอง

เราทุก ๆ คนล้วนมีต้นแบบด้วยกันทั้งสิ้น อาจแตกต่างกันไป แต่ถึงอย่างไรก็จำเป็นต้องมี แต่วันนี้ผมจะไม่พูดถึงผลกระทบจากต้นแบบของคุณที่ส่งผลต่อชีวิตคุณ แต่จะพูดถึงผลกระทบต่อทีมงานของคุณ ถ้าคุณขาดความเข้าใจในการเป็นต้นแบบที่ถูกต้อง

ผมจะขอยกตัวอย่างง่าย ๆ ของผลกระทบจากการที่คุณเป็นต้นแบบที่ผิดพลาด ว่ามีมากเท่าใด โดยสมมติว่าคุณเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษ ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และคุณต้องสอนการอ่านออกเสียงคำศัพธ์ภาษาอังกฤษให้เด็กฟัง ในคำว่า table ซึ่งคุณคิดว่าคำนี้อ่านออกเสียงว่า แท็บ-เล๊ ซึ่งถึงแม้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่ผิด แต่คุณก็อาจจะไม่รู้ว่าผิด และเมื่อคุณเชื่อว่าถูก คุณก็จะปลูกฝังให้นักเรียนในชั้นเรียนของคุณ ออกเสียงเช่นเดียวกันกับคุณ

ซึ่งเมื่อเด็กเหล่านี้ ผ่านการใช้งานคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเกิดเป็นความเคยชิน พวกเขาก็จะเชื่อเช่นเดียวกันกับคุณว่า table อ่านออกเสียงว่า แท็บ-เล๊ ซึ่งถ้าคุณลองจินตนาการว่าเด็กเหล่านี้ 50 คน กลายไปเป็นครูภาษาอังกฤษ 10 คน จะเกิดอะไรขึ้นกับเพียงแค่ความเข้าใจผิด เล็ก ๆ ของคุณ ที่มีโอกาสส่งผลกระทบเป็นวงกว้างแก่คนเป็นล้าน ๆ คนในอนาคตก็เป็นได้

ในการทำธุรกิจเครือข่ายของคุณก็เช่นเดียว กัน ดาวน์ไลน์ที่เข้าสู่ธุรกิจใหม่ ๆ จะเรียนรู้จากคุณ ถ้าคุณเป็นนักธุรกิจที่เน้นในเรื่องการแนะนำ และสาธิตสินค้า ดาวน์ไลน์ของคุณก็จะกลายเป็นคนสนใจกับการแนะนำ และสาธิตสินค้าเช่นเดียวกัน และดาวน์ไลน์ของดาวน์ไลน์ของคุณ ย่อมเป็นแบบเดียวกันทั้งหมดอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ผมไม่สามารถบอกคุณได้ว่าสิ่งใดถูกหรือผิด ในการทำธุรกิจเครือข่าย เพราะนี่เป็นธุรกิจที่คุณเป็นผู้ออกแบบ และควบคุมด้วยตัวคุณเอง 100% แต่ผมอยากจะให้คุณเพียงแค่หยุดคิดซักนิดว่า ตัวคุณ การกระทำของคุณ เป็นต้นแบบที่ตัดสินความสำเร็จหรือล้มเหลวของทีมงานของคุณ

สิ่งที่คุณต้องทำนั่นคือตรวจสอบถึงความ เป็นคุณ ไม่ว่าจะเป็นความคิด การกระทำ วิสัยทัศน์ และทัศนคติ ว่าเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง 100% หรือยัง ซึ่งคุณต้องมั่นใจว่าเป็น 100% จริง ๆ เพราะถ้าขาดไปเพียงแค่ส่วนเดียว ย่อมทำให้เกิดความผิดพลาดตามมาอย่างที่ไม่สามารถประเมินค่าได้

ขอให้คุณระลึกไว้เสมอว่าเมื่อคุณมีดาวน์ ไลน์ คุณไม่ได้กำลังกุมความสำเร็จ หรือความล้มเหลวของคุณเพียงผู้เดียวอีกต่อไป แต่คุณกำลังกุมความสำเร็จ หรือความล้มเหลวของดาวน์ไลน์ของคุณอีกด้วย ผมจึงอยากให้คุณได้ตรวจสอบอย่างเปิดใจ และกล้ายอมรับในความผิดพลาดของตัวคุณ ไม่ใช่เพื่อคุณ แต่เพื่อทุก ๆ คนในทีมงานของคุณ

หยุดการเสพย์ทีวี! เพื่อความสำเร็จของตัวคุณ


หยุดการเสพย์ทีวี!

นี่ อาจจะเป็นหัวข้อบทความที่แรงที่สุด เท่าที่ผมเคยเขียนมา และผมไม่ได้ใช้คำเกินเลยไปแม้แต่น้อย เพราะผมอยากให้คุณ ได้เข้าใจถึงความแตกต่างของการดูทีวี และการเสพย์ทีวี ว่ามีความแตกต่างกันมากเพียงใด แล้วเหตุใดผมจึงหวังให้คุณเลิกการเสพย์ทีวี และถ้าคุณสามารถทำได้ จะเกิดความแตกต่างกับความสำเร็จทั้งในชีวิต รวมถึงธุรกิจของคุณมากเพียงใด คุณพร้อมจะเข้าใจไปกับผมหรือยัง ?

ก่อนอื่นผมต้องขออธิบายถึงความแตกต่างของ การดูทีวี และการเสพย์ทีวีก่อน ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร การดูทีวี คือการทำกิจกรรมเพื่อผ่อนคลาย โดยที่เราเพียงแค่ดูเป็นเวลาสั้น ๆ หรือดูเพราะแก้เบื่อก็แล้วแต่

แต่สำหรับการเสพย์ทีวีนั้นกลับแตกต่างกัน ออกไป เพราะเราสวมการเป็นเข้าไปในบทละคร หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อยู่ในข่าว ซึ่งบางท่านอาจจะสงสัย ว่าจะสามารถแยกแยะได้อย่างไรว่าเรากำลังดูทีวี หรือเสพย์ทีวีอยู่

วิธีการแยกแยะก็คือ ให้คุณลองสำรวจดูความรู้สึกที่มีกับการดูทีวีว่าคุณอินกับเนื้อเรื่องมาก เพียงใด เมื่อตัวละครในทีวีเสียใจคุณรู้สึกเช่นไร เมื่อตัวละครในทีวีเจ็บปวด คุณรู้สึกเช่นไร ถ้าคำตอบคือคุณรู้สึกเช่นเดียวกับที่ตัวละครรู้สึก แสดงว่าตอนนี้คุณกำลังเสพย์ทีวีอยู่ และจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเข้าใจในสิ่งที่ผมจะสื่อสารต่อไปนี้

ผมจำเป็นต้องบอกความจริงว่า ทีวีที่คุณดูอยู่ในทุก ๆ วันนี้นั้น ไม่ได้ถูกทำขึ้นด้วยจุดประสงค์ของความสนุกสนานบันเทิงของผู้รับชม แต่ถูกทำขึ้นด้วยจุดประสงค์ของการสร้างความกล้ว ซึ่งบางครั้งคุณแทบจะไม่สามารถสังเกตได้ แต่อันที่จริงแล้วทีวี ได้สร้างความกลัวให้เกิดขึ้น โดยที่บางครั้งความกลัวเหล่านั้น ก็ก่อเกิดความเชื่อโดยที่คุณก็คาดไม่ถึง

ยกตัวอย่างง่าย ๆ ที่พบเห็นได้ทั่วไป ก็คือความระแวงในชีวิตคู่ว่าสามีจะนอกใจ เพราะดูละครและเห็นว่าสามีนอกใจภรรยา จึงเกิดสงสัยสามีของตนขึ้นมา ซึ่งนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่อันที่จริงแล้ว ทีวียังส่งผลกระทบเชิงลบให้กับคุณได้มากยิ่งกว่านั้น ถ้าคุณไม่สามารถแยกแยะได้

ผมเองก็เป็นหนึ่งคนที่ยังดูทีวีอยู่ แต่ผมไม่เคยเอาตัวเองไปผูกกับความรู้สึกของตัวละคร หรือเหตุการณ์ในเชิงลบเลย นอกเสียจากถ้าความรู้สึกนั้นคือความสนุกสนานมีความสุขเท่านั้น และผมจะไม่ยอมดูในสิ่งที่ชวนให้หดหู่อย่างถึงที่สุด ที่ทำให้รู้สึกว่าผมไม่สามารถฝืนชะตาได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว

เพราะสิ่งเหล่านี้กำลังพยายามทำให้เรายอม รับในสิ่งที่ทำ และหยุดการก้าวเดินต่อไปสู่เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของเรา เพราะเราจะรู้สึกว่าเราคงไม่สามารถทำได้ เพราะเราไม่ได้เกิดมาเพียบพร้อม ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับโอกาสในการประสบความสำเร็จ

คุณไม่จำเป็นต้องเลิกดูทีวี แต่คุณจำเป็นต้องเลิกเสพย์ความกลัวจากทีวีที่พยายามส่งถึงคุณ เพราะความกลัวเหล่านี้ จะหยุดยั้งคุณจากการประสบความสำเร็จ โดยการแยกแยะอย่างมีเหตุผล คุณจะเข้าใจได้ว่าทีวี ไม่ใช่เรื่องจริง และไม่มีทางที่จะเป็นจริงไปได้ ไม่ว่าจะในชีวิตของคุณ หรือชีวิตของใครก็ตาม

ถ้าคุณสามารถฝึกการแยกแยะได้ คุณจะสามารถฝึกฝนการคิดบวกได้อย่างมีพลัง ซึ่งถ้าคุณอยากเข้าใจถึงผลกระทบของสิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลกระทบต่อความคิดของคุณ คุณสามารถย้อนอ่านบทความเรื่องสิ่งแวดล้อมบวกได้

นี่อาจเป็นบางสิ่งที่คุณรู้สึกว่าคุณต้อง จ่ายออกไป แต่ถ้าคุณฝึกฝนการแยกแยะอย่างที่ผมแนะนำจนสมบูรณ์แบบ คุณจะพบว่าคุณสามารถรับความสุข สนุกสนานจากการดูทีวี ได้มากกว่าเดิมอย่างเทียบไม่ติด และนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่คุณควรจะได้รับจากการดูทีวี คือความสุข ความหวัง ไม่ใช่ความกลัว

ข้อดีของการใช้ชีวิตแบบเด็ก ๆ


ข้อดีของการใช้ชีวิตแบบเด็ก ๆ


วันนี้ ผมอยากจะพูดถึงอีกหนึ่งแนวคิดในการทำงาน และการใช้ชีวิตของเรา นั่นก็คือการใช้ชีวิตแบบเดียวกับที่เด็ก ๆ ทำ เพราะวิธีการที่เด็ก ๆ ทำนั้นเป็นเหตุผลให้พวกเขาสามารถเรียนรู้และก้าวต่อไปได้ ดังนั้น ถ้าเราเข้าใจวิธีการเหล่านี้ และสามารถนำมาใช้กับชีวิตของเราได้เ เราย่อมมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
คุณพร้อมที่จะเรียนรู้ข้อดีของการใช้ชีวิตแบบเด็ก ๆ นี้หรือยัง ?

กี่ครั้งที่คุณอายกับความล้มเหลวของคุณ จากการถูกปฏิเสธจากคนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ กี่ครั้งที่คุณกลัวกับการเริ่มต้นใหม่ ทั้ง ๆ ที่คุณรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งสำคัญของชีวิตคุณ กี่ครั้งที่คุณสนใจสายตาคนรอบข้าง เกินกว่าที่คุณจะกล้าลงมือทำสิ่งใด ๆ เพราะเหตุผลเดียวคือกลัวดูไม่ดี

สิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมด ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ทำธุรกิจเครือข่ายล้วนแล้วแต่เคยเจอด้วยกันทั้งนั้น ไม่เพียงแต่คุณ แต่รวมถึงผมด้วย เพราะเราถูกปลูกฝังความคิดให้กังวลถึงความดูดี ความดูไม่ดีของเราว่าเป็นสิ่งที่สำคัญสิ่งหนึ่งของการใช้ชีวิต เราจึงต้องหลีกเลี่ยงการลงมือทำสิ่งใด ๆ ก็ตามที่จะทำให้เราดูไม่ดีนั่นเอง

ผมจึงอยากแนะนำให้คุณลองมองดูการใช้ชีวิต ของเด็ก ๆ ว่าเด็กนั้นเคยอายกับการล้มลุกคลุกคลานหรือไม่ พวกเขาเคยอายกับสายตาคนรอบข้างหรือไม่ ถ้าคุณเข้าใจสิ่งนี้ คุณจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณได้ ซึ่งสาเหตุที่เด็ก ๆ ไม่ได้สนใจสายตาของคนรอบข้าง เพราะพวกเขายังไม่ถูกตั้งโปรแกรมจำกัดความเชื่อ และตั้งโปรแกรมให้สนใจความดูดีนั่นเอง

ผมอยากให้คุณลองจินตนาการถึงชีวิตที่คุณ สามารถลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ได้ โดยไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้าง คุณอาจจะเคยร้องเพลงเวลาอาบน้ำ หรือทำอะไรก็ตามในที่ที่ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย และพบว่าคุณสามารถทำสิ่งนั้นได้อย่างยอดเยี่ยม

สาเหตุนั้นก็เพราะคุณไม่ต้องห่วงกับการดู ดีในสายตาผู้อื่น คุณทำสิ่งที่คุณอยากทำ และเป็นตัวคุณเองอย่างแท้จริง นั่นจึงทำให้คุณสามารถทำสิ่งนั้นได้ดี แต่เมื่อคุณออกมาสู่สังคมโลกภายนอก คุณต้องเผชิญกับความดูดี และความดูไม่ดี และนั่นเป็นสาเหตุทำให้คุณหยุดยั้งตัวเอง จากการลงมือทำในสิ่งที่คุณอยากทำ หรือสิ่งที่คุณควรทำ

ถ้าคุณสามารถใช้ชีวิตหรือการทำธุรกิจของ คุณ แบบเดียวกับตอนที่คุณเป็นเด็ก คือไม่ต้องสนใจความดูดี และความดูไม่ดี คุณจะสามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน และถึงแม้ว่าคุณอาจจะทำผิดพลาด หรือล้มเหลว คุณก็เพียงแค่ลงมือแก้ไขสิ่งที่คุณทำผิดพลาด แล้วก้าวเดินต่อไปก็เท่านั้นเอง

เมื่อใดก็ตามที่คุณไม่ต้องห่วงกับความดูดี และสายตาของคนรอบข้างได้ คุณจะสามารถสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นในชีวิตของคุณได้อย่างแท้จริง

การสร้างความสุข ระหว่างการทำธุรกิจของคุณ


การสร้างความสุข ระหว่างการทำธุรกิจของคุณ


หลัง จากที่ผมได้พูดถึง แนวทางในการสร้างความสำเร็จมาแล้วมากมาย วันนี้ผมอยากจะพูดถึงการสร้างความสุขของคุณ เพราะหนทางในการประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้สั้นเลย ดังนั้นคุณควรเรียนรู้ที่จะสร้างความสุข ระหว่างการทำธุรกิจของคุณ เพื่อที่จะช่วยให้คุณ สามารถเดินทางสู่เป้าหมายปลายทาง ของการทำธุรกิจของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ และไม่ต้องรู้สึกว่าคุณจำเป็นต้องแลกบางสิ่งบางอย่าง กับการประสบความสำเร็จ
คุณพร้อมจะสร้างความสุขไปด้วยกันกับผมหรือยัง ?

การสร้างความสุขภายในตัวคุณ เป็นสิ่งที่คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ เพื่อเติมเต็มการทำธุรกิจของคุณให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น

ความสุขของทุก ๆ คนนั้นล้วนแตกต่างกันออกไป ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ ความสุขของแต่ละคนก็เปรียบเสมือนการไปทานร้านอาหารบุฟเฟต์ ที่เมื่อเราตักอาหารออกมาแล้วย่อมแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นคู่สามีภรรยาอาหารที่อยู่ในจานก็ยังแตกต่างกัน ซึ่งก็เหมือนกันกับความสุข ที่แต่ละคนล้วนแล้วแต่ต้องการส่วนผสมที่แตกต่างกัน เพื่อทำให้ชีวิตของพวกเขานั้นมีคุณค่าและมีความหมาย

คุณจำเป็นต้องฟังในสิ่งที่หัวใจคุณเรียก ร้อง และสิ่งที่หัวใจคุณเรียกร้องนั้นย่อมเปลี่ยนแปลงไปในทุก ๆ ช่วงเวลาของชีวิต ซึ่งคุณจำเป็นที่จะต้องมีความกล้าที่จะทำในสิ่งที่หัวใจของคุณนั้นเรียกร้อง และยอมทำทุก ๆ อย่างเพื่อให้สิ่งที่หัวใจคุณเรียกร้องนั้นเป็นจริงขึ้นมาให้จงได้

คุณควรจะเชื่อว่า ความสุขที่คุณสมควรที่จะได้รับนั้นไม่มีขีดจำกัด ยิ่งคุณเชื่อมากเท่าใดว่าตัวคุณสมควรได้รับความสุข คุณก็ย่อมที่จะได้รับความสุขกลับมามากเท่านั้น

ซึ่งสิ่งหนึ่งที่คุณสามารถทำได้ก็คือ การเปรียบเทียบระหว่าง สิ่งที่คุณสามารถสร้างความสุขและความทุกข์จากการลงมือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ได้ ซึ่งเมื่อคุณสามารถเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่เกิดจากการลงมือทำได้ คุณจะเห็นว่าชีวิตของคุณเป็นชีวิตของการเลือก ที่คุณสามารถเลือกที่จะมีความสุข หรือไม่มีความสุขด้วยตัวคุณเอง

แต่คุณควรจะจดจำไว้ว่า บางครั้งคุณเองจำเป็นที่จะต้องทำบางสิ่งบางอย่าง ที่คุณรู้สึกไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าการไม่มีความสุขในครั้งนั้น นำพาให้คุณสามารถประสบผลสำเร็จได้ตามที่คุณตั้งใจ และได้ผลลัพธ์ขนาดใหญ่มากเพียงพอ คุณก็ควรที่จะยอมไม่มีความสุขในช่วงขณะนั้น เพื่อรอรับความสุขขนาดใหญ่ที่จะตามมาเมื่อคุณทำสิ่งนั้นสำเร็จ

ขอให้เชื่อว่าคุณสามารถมีความสุข ในขณะที่ลงมือทำงานอย่างหนักได้ และขอให้เชื่อว่าคุณสมควรได้รับความสุข

Law of Connection


Law of Connection


ปัญหา หลัก ๆ ของผู้คน ที่ไม่สามารถชักจูงคนเข้ามาร่วมในธุรกิจเครือข่ายได้ ส่วนใหญ่มาจากการสื่อสารที่ผิดพลาด และไม่สามารถสร้างการเชื่อมโยง ให้เกิดขึ้นระหว่างผู้มุ่งหวังและตนเองได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่ได้รับผลลัพธ์ จากการแนะนำธุรกิจเท่าที่คาดหวังไว้ ดังนั้นการสื่อสารที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่จะทำให้การแนะนำธุรกิจ ได้รับผลลัพธ์ตามที่ต้องการ และถ้าคุณเข้าใจกฎของการสื่อสารนี้ คุณจะได้รับทุก ๆ อย่างที่คุณต้องการ คุณพร้อมที่จะรู้กฎนี้หรือยัง ?

การที่คนเราจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความสัมพันธ์กัน ซึ่งบางครั้งคุณอาจจะแปลกใจ ที่คุณสามารถสร้างความสัมพันธ์กับคนบางคนได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับคนบางคนได้เลย แม้ว่าจะใช้เวลานานเท่าใดก็ตาม

สาเหตุหลัก ๆ นั้นมาจากสไตล์การสื่อสารของบุคคลที่แตกต่างกันออกไป ถ้าคุณเชื่อมความสัมพันธ์ กับใครได้รวดเร็ว ก็มีความเป็นไปได้ว่าคุณมีสไตล์การสื่อสารแบบเดียวกับพวกเขา ในขณะที่คนที่คุณไม่สามารถเชื่อมโยงได้ ก็เพราะคุณทั้ง 2 คนล้วนมีสไตล์การสื่อสารที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง

สไตล์ของการสื่อสารนั้นแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ 1. การมองเห็น (Visual) 2. การฟัง (Auditory) 3. การสัมผัส (Kinesthetic) 4. การคิดแบบตรรกะ (Digital) ซึ่งแต่ละสไตล์ก็ล้วนแล้วแต่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งคุณอาจจะเป็นได้หลายแบบ หรืออาจจะเป็นเพียงแค่แบบเดียว แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ ถ้าคุณต้องการที่จะสามารถเชื่อมโยงกับผู้คนได้ทุก ๆ คน คุณควรจะเข้าใจรูปแบบการสื่อสารในทุก ๆ สไตล์

1. การมองเห็น (Visual)
ผู้คนที่อยู่ในสไตล์นี้จะจดจำสิ่งต่าง ๆ เป็นภาพ และใช้การสร้างภาพไว้ในจิตใจ ซึ่งส่งผลให้พวกเขาสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว และชื่นชอบการมองภาพรวม มากกว่าสนใจในรายละเอียด ซึ่งกลุ่มการสื่อสารสไตล์นี้ จะชอบพูดคำดังต่อไปนี้ ฉันเห็นภาพแล้ว คิดภาพออกไหม เป็นต้น

ในกลุ่มนี้ข้อดีคือ พวกเขาจะสามารถมองภาพรวมของเรื่องราวออกได้อย่างรวดเร็ว แต่จะไม่ชอบเรื่องราวที่มีรายละเอียดมากจนเกินไป เพราะพวกเขาต้องการเพียงแค่ภาพรวมก็เพียงพอ

2. การฟัง (Auditory)
ผู้คนที่อยู่ในสไตล์นี้จะจดจำสิ่งต่าง ๆ จากที่พวกเขาได้ยินแบบคำต่อคำ และบ่อยครั้งที่เรียนรู้จากการฟังโดยไม่จดบันทึกไว้ พวกเขายังเป็นนักเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ซึ่งกลุ่มการสื่อสารสไตล์นี้ จะชอบพูดคำดังต่อไปนี้ ฉันได้ยินแล้ว ฉันอยากฟังที่คุณพูดอีก เป็นต้น

ซึ่งในกลุ่มนี้ข้อดีคือ พวกเขาเป็นนักระดมความคิดเห็นที่ยอดเยี่ยม และยังเป็นนักพูดที่ดีอีกด้วย แต่ถ้าเมื่อใดก็ตาม ที่พวกเขารู้สึกว่าไม่ได้รับความสนใจในสิ่งที่พวกเขาพูด หรือไอเดียของพวกเขา พวกเขาจะโกรธและไม่พูดอีกเลย

3. การสัมผัส (Kinesthetic)
ผู้คนที่อยู่ในสไตล์นี้จะใช้วิธีการสัมผัส และรู้สึก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะชอบการเรียนรู้จากการลงมือทำมากที่สุด ซึ่งกลุ่มการสื่อสารสไตล์นี้ จะชอบพูดคำดังต่อไปนี้ ฉันจับจุดได้แล้ว ฉันรู้สึกว่ามันใช่เลย เป็นต้น

ซึ่งในกลุ่มนี้ข้อดีคือ พวกเขาเก่งในเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์ และสามารถทำงานเป็นทีมได้อย่างยอดเยี่ยม แต่จะมีปัญหากับสิ่งที่ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาไม่มีเวลาที่จะรู้สึกถึงสิ่งนั้นก่อนที่จะตัดสินปัญหาได้

4. การคิดแบบตรรกะ (Digital)
ผู้คนที่อยู่ในสไตล์นี้จะมีการคิดที่เป็นขั้นเป็นตอน มีการลงรายละเอียดอย่างมาก และต้องการเวลาในการประมวลผลเมื่อได้รับข้อมูลใหม่ ๆ ซึ่งกลุ่มการสื่อสารไตล์นี้ จะชอบคำพูดดังต่อไปนี้ ไม่มีข้อสงสัยเลย ฉันรู้ว่าหมายถึงอะไร เป็นต้น

ซึ่งในกลุ่มนี้ข้อดีคือ พวกเขาเก่งในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน และเป็นนักวางกลยุทธ์ชั้นเยี่ยม มีความชำนาญอย่างยิ่งในการจัดการสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยง การประชุม แต่พวกเขาไม่ชอบการสั่งให้ทำบางสิ่งบางอย่าง และไม่ชอบการถูกขัดจังหวะ

ซึ่งการสื่อสารทั้ง 4 สไตล์นั้น ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่า คุณจัดอยู่ในสไตล์การสื่อสารใด ซึ่งคุณสามารถเข้าไปทำแบบสอบถามออนไลน์ได้ที่นี่

ซึ่งเมื่อคุณทราบว่าคุณจัดอยู่ในสไตล์ใด แล้ว คุณก็จะสามารถปรับตัวเข้ากับทุก ๆ สไตล์ได้ และนั่นจะทำให้คุณสามารถสื่อสารกับทุก ๆ สไตล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

จงรักโอกาส ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ


จงรักโอกาส ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ


มี หลาย ๆ คนบอกว่า ให้คุณรักในสิ่งที่คุณทำ เพื่อที่จะทำให้การที่คุณลงมือทำในสิ่งนั้น ๆ ได้รับผลลัพธ์เท่าที่คุณต้องการ แต่อันที่จริงนั่นไม่ได้เป็นความจริง ความจริงก็คือ คุณต้องรักในโอกาสที่เกิดขึ้น หรือผ่านเข้ามาในชีวิตคุณต่างหาก ซึ่งโอกาสนั้นบางทีอาจจะไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ แต่ถึงอย่างไร คุณก็ควรที่จะรักโอกาสที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ เพื่อที่โอกาสที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณจะมากขึ้น และยอดเยี่ยมขึ้น จนเกินกว่าที่คุณจะสามารถจินตนาการได้ คุณอยากเรียนรู้เพิ่มเติมหรือยัง ?

หลาย ๆ คนอาจจะกำลังทำในสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการ และอาจเกิดคำถามว่า ตัวคุณเองต้องรักงานที่คุณกำลังทำอยู่หรือเปล่า คำตอบก็คือไม่ แต่ทว่าถ้างานที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้ จะสามารถนำทางให้คุณสามารถประสบความสำเร็จอย่างสูงต่อไปในอนาคต คุณจะสามารถรักสิ่งที่ว่านั้นได้หรือไม่

การที่คุณเรียนรู้ที่จะรัก และชื่นชมทุก ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี หรือไม่ดีก็ตาม เพราะเรื่องราวเหล่านั้นจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อคุณอย่างแน่นอน โดยที่บางครั้งคุณอาจจะคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ

สิ่งที่คุณต้องเข้าใจก็คือ คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะรักสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ และให้สิ่งเหล่านั้น เป็นบ่อเกิดการพัฒนาในตัวคุณ คุณอาจจะเคยทำผิดพลาดในชีวิตบางครั้ง ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องรักสิ่งที่คุณได้ทำผิดพลาดนั้น แต่คุณควรจะรักที่คุณสามารถเข้าใจว่าสิ่งที่คุณทำนั้น เป็นสิ่งที่ผิดพลาด เพราะถ้าคุณสามารถที่จะยอมรับได้ นั่นหมายถึงคุณพร้อมสำหรับการเติบโตไปอีกก้าวหนึ่งแล้วนั่นเอง

การที่คุณออกไปคุยกับผู้มุ่งหวังนั้น คุณอาจจะไม่ทราบว่า นั่นเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในโลกด้วยซ้ำ เพราะคุณจะสามารถพบกับผู้คนมากมาย ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะสนใจสิ่งที่คุณเสนอไปหรือไม่ แต่อย่างน้อยคุณก็เปิดโอกาสให้คุณ สามารถขยายธุรกิจของคุณออกไปได้อย่างอัศจรรย์

ถ้าคุณเข้าใจการรักในโอกาส คุณจะสามารถเติบโตขึ้นจากทุก ๆ การกระทำของคุณ และเพราะตัวคุณรักในทุกๆโอกาสที่เกิดขึ้น ดังนั้นคุณย่อมสามารถเติบโตได้มากขึ้นเกินกว่าที่คุณจะสามารถจินตนาการได้

การใช้ชีวิตเปรียบเสมือนกับการต่อจิ๊กซอ


การใช้ชีวิตเปรียบเสมือนกับการต่อจิ๊กซอ


เป็น เรื่องแปลกอย่างหนึ่ง ที่การใช้ชีวิตของคนเรา นั้นคล้ายคลึงกับการต่อจิ๊กซอ เพราะเป็นการต่อเติมภาพจากจุดเล็ก ๆ ให้กลายเป็นภาพใหญ่ได้ในที่สุด เพียงแต่สิ่งที่ต่างกันระหว่างการใช้ชีวิตและการต่อจิ๊กซอ ก็คือ ในการต่อจิ๊กซอคุณสามารถรู้ได้ว่าชิ้นส่วนใด เหมาะกับการต่อ ณ ตำแหน่งใด แต่ในชีวิตจริง ไม่มีชิ้นส่วนที่ถูกออกแบบมาตายตัวเช่นเดียวกันกับจิ๊กซอ คุณเป็นผู้กำหนดชิ้นส่วนนั้น ๆ ด้วยการสร้างใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบคุณอยากเรียนรู้การสร้างชีวิตด้วยตัวคุณเองเพิ่มขึ้น หรือยัง ?

การใช้ชีวิตของคุณ คุณเป็นผู้ออกแบบสิ่งที่คุณเป็นในทุก ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่คุณต้องการ จุดหมายปลายทางในชีวิตของคุณ หรือแม้กระทั่งรูปแบบการใช้ชีวิตของคุณ ทุก ๆ วันในชีวิตของคุณ คุณกำลังต่อเติมภาพจิ๊กซอในชีวิตของคุณ

ซึ่งก็จะมีบางคนที่รู้ว่า ต้องการให้ภาพออกมาเป็นอย่างไรในตอนท้าย หรือบางคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขากำลังต่อเติมภาพ ให้ออกมาเป็นรูปแบบใด ซึ่งนั่นถือเป็นความแตกต่างอย่างมากของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต และคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต

ดังนั้นถ้าคุณต้องการจะประสบความสำเร็จใน ชีวิตของคุณอย่างแท้จริง คุณจำเป็นที่ต้องกำหนดภาพของจิ๊กซอที่คุณต้องการต่อให้สำเร็จ และเมื่อคุณสามารถกำหนดภาพขนาดใหญ่ได้สำเร็จ ก็จะเป็นการง่ายที่คุณจะหาฃิ้นส่วนเล็ก ๆ เพื่อต่อเติมให้ชีวิตของคุณ ให้ได้ผลลัพธ์ตามภาพใหญ่ที่คุณตั้งใจไว้

ในการใช้ชีวิต คุณสามารถหล่อหลอมตัวต่อจิ๊กซอให้ออกมาเป็นแบบใดก็ได้ ดังนั้นคุณจึงต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่า การที่คุณลงมือทำสิ่งใดในชีวิตของคุณ ทั้งเรื่องดีและไม่ดี คุณย่อมต้องได้รับผลลัพธ์ตามมาอย่างแน่นอน และไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้อีกด้วย

ดังนั้นคุณไม่ควรเสียเวลากับการทำสิ่งที่ ไม่มีประโยชน์ในชีวิตคุณ ละทิ้งบางสิ่งบางอย่าง เพื่อความสำเร็จ ทำในสิ่งที่คุณควรทำ เพราะถ้าคุณต้องการที่จะให้ภาพของจิ๊กซอของชีวิตในบั้นปลายของคุณสวยงาม คุณต้องลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป

การดูดี ไม่ได้ทำให้คุณสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย


การดูดี ไม่ได้ทำให้คุณสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย


หลังจากผมได้พูดถึงการดูดี หรือดูไม่ดีที่ส่งผลต่อการลงมือทำของคุณ ไปในหัวข้อข้อดีของการใช้ชีวิตแบบเด็ก ๆ แล้ว วันนี้ผมอยากจะเจาะลึกถึงการดูดี หรือการดูไม่ดี ว่ามีบทบาทในชีวิตของคุณอย่างไร และธุรกิจของคุณอย่างไร และเหตุใดการดูดีจึงไม่ได้ทำให้คุณประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย ตามที่คุณคาดหวังไว้ในตอนแรก เพราะถ้าคุณไม่สามารถทราบสาเหตุที่แท้จริง คุณจะไม่มีทางประสบความสำเร็จใน ธุรกิจเครือข่ายอย่างแน่นอน คุณอยากเข้าใจเรื่องของการดูดี หรือดูไม่ดีหรือยัง ?

อย่างที่ผมได้พูดไปแล้วก่อนหน้านี้ ว่าเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิต โดยคำนึงถึงสังคมแวดล้อมเป็นหลัก ซึ่งอันที่จริงแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะเราจะได้ไม่ทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมต่าง ๆ แต่ปัญหาก็คือเมื่อเราใช้ชีวิตโดยสนใจสิ่งแวดล้อม และสังคมมากจนเกินไป เราจะถูกตรีกรอบการลงมือทำ ซึ่งสาเหตุนั้นก็เพราะ เรากลัวดูไม่ดีในสายตาผู้อื่นนั่นเอง

ความต้องการดูดี ล้วนมีอยู่ในตัวของมนุษย์เราทุก ๆ คน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดของสังคม ย่อมต้องการดูดี ในสายตาผู้อื่น ยกเว้นในกรณีที่พวกเขาเหล่านั้นไม่มีทางเลือกในชีวิตแล้ว พวกเขาจึงจะไม่สนใจการดูดี หรือดูไม่ดี

ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าคุณเป็นหนี้จำนวนมหาศาล เกินกว่าที่คุณจะสามารถหาเงินมาชำระได้ทัน ในตอนแรกคุณจะกล้าเอ่ยปากขอยืมคนอื่นหรือไม่ ผมเองคิดว่าคงไม่เอ่ยปากขอยืมเป็นแน่ เพราะกลัวการดูไม่ดี แต่ถ้าเกิดเจ้าหนี้ประกาศจะยึดบ้าน ถึงตรงนี้คุณย่อมกล้าเอ่ยปากขอยืม หรือไม่ก็ทำทุก ๆ ทางเพื่อให้ได้เงินจำนวนนั้นมาอย่างแน่นอน โดยไม่ได้สนใจว่าจะดูดีหรือดูไม่ดีอีกต่อไป

แล้วคุณเชื่อหรือไม่ว่า เพราะความกลัวการดูไม่ดีของคุณ คุณจะพลาดโอกาสสำคัญมากมายในชีวิต โดยเฉพาะถ้าคุณอยู่ในธุรกิจเครือข่าย และคุณกลัวการดูไม่ดี แต่การจะแยกแยะว่าสิ่งที่คุณทำนั้นดูดี หรือดูไม่ดีนั้น คุณใช้อะไรเป็นเกณฑ์ตัดสิน

คุณคิดว่าการที่คุณเข้าไปแนะนำโอกาสทาง ธุรกิจของคุณ ให้กับผู้มุ่งหวังนั้นเป็นเรื่องที่ดูดีหรือไม่ ? บางคนที่คิดว่าดูไม่ดี นั่นก็เพราะกลัวว่าผู้มุ่งหวังจะไม่พอใจที่คุณไปรบกวนเวลาของพวกเขา และนั่นจะทำให้คุณดูไม่ดีในสายตาของผู้มุ่งหวัง ในขณะที่คนที่คิดว่าการทำเช่นนั้นดูดีนั้นกลับคิดว่า พวกเขากำลังนำโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้มุ่งหวังคนนั้นอย่างสิ้น เชิง ซึ่งส่วนใหญ่คนกลุ่มหลังนี้ มักเป็นกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายอย่างแท้จริง

สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อสารให้กับคุณคือ การดูดี หรือ ดูไม่ดี นั้น ผู้อื่นไม่ได้เป็นผู้ตัดสิน แต่มันอยู่ที่คุณต่างหาก ที่เป็นคนตัดสินว่าสิ่งที่คุณทำนั้นมันดูดี หรือดูไม่ดี ซึ่งถ้าคุณรู้จักการคิดแยกแยะอย่างมีเหตุผล คุณจะสามารถเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดได้ดีขึ้น ทุก ๆ ครั้ง ที่คุณมีเรื่องที่ต้องทำให้คุณคิดหนักว่าเมื่อคุณลงมือทำแล้วจะดูไม่ดี ขอให้คุณได้ไตร่ตรองอย่างมีเหตุผล ว่าสิ่งนั้นดูไม่ดีจริง ๆ หรือเพราะคุณเพียงแค่กลัว และคิดไปเองต่างหาก

สุดท้ายผมอยากจะถามคุณว่าคุณอยากจะเป็นคน ที่ดูดี แต่ถังแตก หรือคุณพร้อมจะเป็นคนที่ดูไม่ดี แต่มีความสุข และมีอิสรภาพทางการเงิน ในทุก ๆ ด้าน นั่นคือชีวิตที่คุณสามารถเลือกได้ ที่ผมจะเขียนในหัวข้อต่อไป

ชีวิตที่คุณเลือกได้


ชีวิตที่คุณเลือกได้


วันนี้ ผมอยากจะพูดถึงชีวิตที่คุณเลือกได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณควรทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ก่อน เพราะการที่คุณเข้าใจว่าคุณสามารถเลือกรูปแบบการใช้ชีวิต และเลือกการเป็นของคุณได้เองแบบ 100% คุณจะสามารถกำหนดทิศทางของชีวิตของคุณได้จากทุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่างที่คุณได้ทำการเลือกในชีวิตของคุณ และเพื่อป้องกันไม่ให้คุณเลือกแบบผิด ๆ นั่นจึงเหตุผลที่คุณควรจะอ่านบทความนี้ และเตรียมพร้อมเลือกรูปแบบชีวิตของคุณเอง
คุณพร้อมจะเลือกชีวิตของคุณเองหรือยัง ?

ผมเองเชื่อมั่นว่าชีวิตของเราทุก ๆ คน นั้นล้วนแล้วแต่มีทางเลือก และสามารถกำหนดรูปแบบการใช้ชีวิตได้เอง ซึ่งวันนี้ผมจะพูดถึงการเลือกที่ว่านั้น ว่าอันที่จริงแล้วเป็นอย่างไร ซึ่งคุณจะได้เข้าใจว่าเพราะเหตุใด การเลือกทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดในชีวิต ถึงสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตของคุณได้ทั้งชีวิต

สิ่งแรกที่คุณต้องตระหนักก็คือ ชีวิตแบบใดที่คุณต้องการอย่างแท้จริง ถ้าคำตอบที่คุณได้คือ คุณต้องการใช้ชีวิตแบบปกติธรรมดาเหมือนคนทั่วไป ผมแนะนำว่าคุณควรจะเลิกทำธุรกิจเครือข่าย แล้วกลับไปลงมือแทนค่าในโมเดลเดิมของคุณ ในงานหรือสาขาอาชีพที่คุณกำลังทำอยู่จะดีกว่าครับ

เพราะผลลัพธ์ของชีวิตที่คุณเลือกนั้น ไม่จำเป็นต้องมีการลงมือแทนค่าอย่างหนักในธุรกิจเครือข่าย ก็สามารถตอบโจทย์ชีวิตได้แล้ว แต่ถ้าคุณต้องการที่จะมีอิสระภาพในทุก ๆ ด้านของชีวิต และสามารถใช้ชีวิตแบบสุดขีดเท่าที่คุณต้องการได้ มีเพียงแค่โมเดลเดียวที่สามารถตอบโจทย์ให้กับคุณได้ โดยใช้เวลาแทนค่าน้อยที่สุดนั่นก็คือธุรกิจเครือข่ายนั่นเอง

เมื่อคุณเลือกผลลัพธ์ของรูปแบบที่คุณต้อง การได้อย่างชัดเจนแล้ว หลังจากนั้นสิ่งที่คุณจำเป็นต้องเลือกเป็นอันดับต่อ ๆ มานั้นจะเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น เพราะเปรียบเสมือนกับการที่คุณ ได้กำหนดจุดหมายปลายทางเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งสิ่งที่เหลือก็เพียงแค่การกำหนดเส้นทางการเดินทางที่เหมาะสมเท่านั้นเอง

ซึ่งคุณจำเป็นต้องเข้าใจว่าการตัดสินใจใด ๆ ในชีวิตของคุณทุกครั้ง ล้วนมีผลลัพธ์ที่ตามมา ไม่ว่าจะในทางบวกหรือทางลบ ดังเช่นที่ผมได้อธิบายไว้แล้วในบทความเรื่องสูตรของความล้มเหลว และการประสบความสำเร็จในชีวิตและธุรกิจเครือข่าย ดังนั้นเมื่อคุณเข้าใจถึงความสำคัญของการตัดสินใจแล้ว คุณจะสามารถเลือกการลงมือทำในทุก ๆ เรื่องราวในชีวิตของคุณ และสามารถควบคุมการลงมือทำนั้นให้เอื้อต่อการได้รับผลลัพธ์ นั่นก็คือการประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายของคุณนั่นเอง

สิ่งที่สำคัญที่สุด คุณคงจะเห็นแล้วว่าสิ่งนั้นคือการเลือกรูปแบบชีวิตของคุณนั่นเอง แต่ก่อนจะเลือกคุณจำเป็นต้องเชื่ออย่างแท้จริงก่อนว่า คุณสามารถเป็นผู้กำหนดรูปแบบชีวิตเหล่านั้นได้อย่างแท้จริง เพราะถ้าคุณไม่เชื่อว่า คุณสามารถกำหนดรูปแบบชีวิตของคุณได้อย่างแท้จริง คุณย่อมไม่เชื่อว่าชีวิตของคุณนั้นสามารถเลือกได้

สุดท้ายผมอยากจะบอกว่าคุณเกิดมาเพื่อเป็น ผู้เลือก คุณเลือกทุก ๆ อย่างในชีวิตคุณเอง และเป็นผู้่กำหนดผลลัพธ์นั้น ๆ ด้วยตัวคุณเอง คำถามสุดท้ายคือ แล้วชีวิตที่คุณต้องการเลือกนั้นเป็นแบบใด ?

Passion ที่ผลักดันให้ผม สร้างเว็บไซด์นี้ขึ้นมาคือ?


Passion ที่ผลักดันให้ผม สร้างเว็บไซด์นี้ขึ้นมาคือ?


ผม อยากจะแบ่งปัน passion ของผม และสาเหตุที่ผมจัดทำเว็บไซด์นี้ขึ้นมา เพื่อหวังว่าจะเป็นหนึ่งในแนวทางที่ทำให้หลาย ๆ คนในที่นี้ สามารถมองหาแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ ทำให้สามารถก้าวเดินต่อไปได้ และอีกประการก็เพื่อที่จะทำให้ทุก ๆ ท่านได้เข้าใจแนวทางในการทำงานของผมให้มากขึ้น ดังที่ผมได้เขียนบทความเรื่อง Passion ที่ขับเคลื่อนตัวคุณอยู่คือ? ไปก่อนหน้านี้ คุณอยากรู้แรงที่ขับเคลื่อนตัวผม ?

แรงผลักดันของตัวผมนั้นชัดเจนมาเมื่อไม่ กี่ปีที่ผ่านมา จากที่ผมนั้นก็เป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งและไม่มีเป้าหมายในชีวิต แต่ในที่สุด ผมก็พบกับแรงบรรดาลใจส่วนตัวของผม และพบสิ่งที่อยากเป็น ได้ค้นพบ passion ที่แท้จริงของตัวเอง ซึ่งกว่าที่ผมจะมาถึงจุดนี้ผมต้องใช้ความรู้มากมาย เพื่อค้นพบ passion ของผม

ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ การที่คุณจะสามารถประสบความสำเร็จได้ ไม่ว่าจะในด้านใดก็ตาม เพียงแค่ความฝัน และความเชื่อ ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้คุณสามารถประสบความสำเร็จได้ สิ่งที่จะช่วยให้คุณสามารถประสบความสำเร็จได้นั้น ก็คือ passion นั่นเอง

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีความฝัน และความเชื่อในความสามารถของตัวเองอย่างยิ่งยวด แต่นั่นก็ไม่เพียงพอต่อการประสบความสำเร็จตามที่ผมได้จินตนาการไว้ อันที่จริงก็คือ มีบางสิ่งบางอย่างที่คอยฉุดรั้งผมไว้จากการลงมือทำแบบเต็ม 100% จนกระทั่งผมได้รู้จักกับสุดยอดโค้ชของโลกหลาย ๆ ท่าน ไม่ว่าจะเป็น Anthony Robbins , Robert T Kiyosaki และ T. Harv Eker และในที่สุดผมจึงสามารถค้นพบสิ่งที่ขาดหายไปในตัวผม นั่นก็คือ passion ที่ช่วยผลักดันตัวผมให้มาถึงจุดนี้ได้

และ passion นั้นก็เป็นสาเหตุที่ผมจัดทำเว็บไซด์นี้ขึ้น เพราะผมเองมี passion ในการให้ และช่วยให้ผู้อื่นสามารถประสบความสำเร็จได้ ดังนั้นผมจึงถ่ายทอดสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ ประสบการณ์ต่าง ๆ ของผม และผมเองขอย้ำให้กับทุก ๆ ท่านที่กำลังอ่านบทความนี้อีกครั้งว่า แนวคิดที่ถูกต้องนั้นสำคัญกว่าวิธีการที่ถูกต้อง เพราะถ้าคุณมีแนวคิดที่เอื้อต่อการประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าวิธีการที่คุณทำอยู่จะไม่ถูกต้องหรือล้าสมัยเพียงใด ถึงอย่างไรคุณก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน

ดังนั้นผมจึงอยากเป็นจุดยืนให้กับทุก ๆ คน ในการค้นหา passion ที่จะช่วยขับเคลื่อนตัวคุณให้ก้าวสู่การประสบความสำเร็จ และอย่ากลัว ถ้า passion นั้นอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับการทำธุรกิจเครือข่าย เพราะ passion ของตัวผมเองก็คือการเป็นโค้ช ที่ช่วยให้ผู้อื่นประสบความสำเร็จ ซึ่งบางท่านอาจจะไม่คิดว่าจะสามารถทำความฝันให้เป็นจริงพร้อม ๆ กับการประสบความสำเร็จ ดังนั้นหัวข้อต่อไป ผมจะพูดถึงการเลือกทำในสิ่งที่รัก และเลือกที่จะประสบความสำเร็จไปพร้อม ๆ กัน ในบทความเรื่องการเลือกทั้ง 2 ทาง

คนรวย และคนประสบความสำเร็จเลือกทั้ง 2 อย่าง


คนรวย และคนประสบความสำเร็จเลือกทั้ง 2 อย่าง


ผม ได้ยินคำพูดมากมาย ที่บอกว่าชีวิตคนเราจำเป็นต้องเลือก เราไม่สามารถประสบความสำเร็จและมีความสุขไปพร้อม ๆ กันได้ เราไม่สามารถใช้ชีวิตตามที่เราฝันได้ ความฝันไม่มีทางเป็นจริงได้ เราจำเป็นต้องยอมรับ และเลือกทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เราต้องการ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความเชื่อของคนธรรมดา แต่เหล่าคนรวย และคนที่ประสบความสำเร็จต่างเชื่อว่าพวกเขาสามารถเลือกได้มากกว่า 1 ทาง พวกเขาสามารถเลือกได้ทั้ง 2 อย่าง คุณอยากทราบหรือไม่ว่าทำไม ?

คนธรรมดาต่างมีความเชื่อว่า ชีวิตของพวกเขาถูกจำกัดไว้ และพวกเขาไม่สามารถเลือกที่จะประสบความสำเร็จด้วยการทำสิ่งที่ตนรักได้ และยิ่งไปกว่านั้น บางคนถูกจำกัดความเชื่อจนเกิดความกลัว และจำเป็นต้องเลือกสิ่งหนึ่งสิ่งใด โดยที่อันที่จริงแล้วพวกเขาไม่ได้ต้องการแม้แต่นิดเดียว

กี่ครั้งในชีวิตของคุณ ที่คุณต้องเลือกเป้าหมายที่อยู่ห่างไกล และละทิ้งความปรารถนาของตัวคุณ เพียงเพราะว่าคุณต้องการผลลัพธ์นั้น อันที่จริงแล้วความเชื่อที่ว่า คุณจำเป็นต้องเลือกเพียงแค่บางสิ่งบางอย่างในชีวิตของคุณนั้น เป็นเรื่องที่เหลวไหลทั้งเพ เพราะคุณนั้นเป็นผู้เลือกทั้งหมดด้วยตัวคุณเอง แล้วเหตุใดคุณจึงไม่อยากเลือกที่จะทำงานอย่างหนัก และมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ แล้วเหตุใดคุณจึงจำเป็นต้องเลือก ?

สาเหตุที่จำเป็นต้องเลือก นั่นก็เพราะหลายๆคนมีความกลัวลึก ๆ นั่นเองว่าถ้าไม่ทุ่มเทจนสุดตัว จะไม่สามารถได้รับผลตอบแทนกลับมา และยิ่งไปกว่านั้นมนุษย์เรายังถูกตั้งโปรแกรมด้วยความเชื่อที่ติดตัวเรามา นาน ไม่ว่าจะเป็นจากสุภาษิตที่บอกว่าจับปลา 2 มือ หรือเหยียบเรือ 2 แคม ซึ่งถึงแม้ว่าอันที่จริงแล้ว อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับการเลือก 100% แต่ถึงอย่างไรก็ตามสุภาษิตเหล่านี้ ก็ส่งผลกระทบถึงเรา อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และทำให้จำเป็นต้องเลือกเพียงแค่สิ่งเดียว เพราะเชื่อว่าถ้าเลือกทั้ง 2 สิ่ง เราจะไม่ได้อะไรเลยนั่นเอง

แต่เหล่าคนรวย และคนที่ประสบความสำเร็จกลับคิดแตกต่างออกไป ในชีวิตของพวกเขาสามารถเลือกได้ทั้ง 2 ทาง หรือมากกว่านั้น สาเหตุหลักก็เพราะพวกเขาเชื่อว่า พวกเขาสามารถสร้างทางเลือกให้เป็นจริงได้ด้วยการสร้างความสมดุล และด้วยการสร้างความสมดุลนั้น พวกเขาสามารถได้รับผลลัพธ์จากการเลือกทั้ง 2 ทาง

ผมเองก็มีความเชื่อเช่นเดียวกันว่า ผมสามารถประสบความสำเร็จ โดยการช่วยเหลือผู้อื่นให้ประสบความสำเร็จพร้อม ๆ กับผมได้ ไม่ใช่ผมสร้างความสำเร็จก่อน แล้วจึงช่วยให้ผู้อื่นประสบความสำเร็จ นี่คือหนึ่งตัวอย่างของการเลือกทั้ง 2 ทาง ที่ผมกำลังพูดถึง

สิ่งที่คุณต้องทำต่อจากนี้ไป เมื่อใดก็ตามที่คุณอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องเลือก ขอให้คุณหาทางเลือกที่คุณสามารถเลือกได้ทั้ง 2 อย่างหรือมากกว่านั้น และอย่าเลือกทางเลือกเพียงแค่หนึ่งเดียว เพราะคุณสามารถได้ทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่างได้ ขอเพียงถ้าคุณมีความเชื่อ

การใช้ชีวิตบนความฝันของคุณ


การใช้ชีวิตบนความฝันของคุณ


วันนี้ ผมจะพูดถึงการใช้ชีวิตบนความฝันของคุณ เพราะกว่าที่คุณจะสามารถประสบความสำเร็จ นั่นคือการได้อิสระภาพทั้งทางด้านเวลา และการเงินมาครอบครองได้ หรือการที่คุณจะประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายของคุณนั้น จำเป็นต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ดังนั้นผมจึงอยากจะนำพาคุณให้ใช้ชีวิตบนความฝันของคุณ ในขณะที่คุณกำลังเดินทางสู่จุดมุ่งหมายปลายทางนั้น คุณพร้อมที่จะเรียนรู้การใช้ชีวิตบนความฝันของคุณหรือยัง?

อย่างที่ผมได้พูดไปก่อนหน้านี้แล้วในเรื่องของความฝัน และ passion ที่ผลักดันคุณ ว่ามีความสำคัญมากเพียงใด แต่ในวันนี้ผมจะนำพาคุณไปค้นหา passion และความฝันจากการทำธุรกิจเครือข่าย เพื่อที่คุณจะสามารถทำในสิ่งที่คุณรัก ใช้ชีวิตบนความฝันของคุณ และสามารถเก็บเกี่ยวความสำเร็จจากการทำธุรกิจเครือข่ายไปพร้อม ๆ กัน

แต่การที่คุณจะสามารถค้นพบสิ่งนั้นได้หรือ ไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบทความที่ผมจะสื่อสารกับคุณในวันนี้ แต่ขึ้นอยู่กับคุณจะยินยอมที่จะค้นหาด้วยตัวเองหรือไม่ เพราะผมเป็นได้เพียงแค่คนคอยชี้ทางเท่านั้นเอง

และเพื่อจะให้คุณสามารถเข้าใจว่าสิ่งใดคือ ความฝันและ passion ของคุณในการทำธุรกิจเครือข่าย ผมจึงขออนุญาตยกตัวอย่างตัวผม เพื่อที่จะทำให้คุณสามารถมองเห็นภาพ และเข้าใจถึงสิ่งที่ผมต้องการสื่อสารได้อย่างแท้จริง

ผมพบว่าในการทำธุรกิจเครือข่ายมีสิ่ง ๆ หนึ่งที่ผมชื่นชอบมากที่สุด และทุก ๆ ครั้งที่ผมมีโอกาสได้ทำ เวลาดูเหมือนจะผ่านไปเร็วกว่าที่คิด และแม้ว่าผมต้องทำสิ่งนั้นซ้ำแล้ว ซ้ำอีก แต่ผมก็ยังมีความสุข และไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย

นั่นคือผลลัพธ์จากการที่ผมสามารถค้นพบ passion จากการทำธุรกิจเครือข่ายได้ เพราะถ้า passion ของผมนั้นมีแต่การได้ไปท่องเที่ยวรอบโลก การได้นอนอยู่กับบ้านตลอดเวลา ผมคงไม่มีความสุขกับการลงมือทำธุรกิจของผมเป็นแน่ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผมอยากให้คุณค้นหาสิ่งที่ผลักดันคุณระหว่างการทำธุรกิจ เครือข่าย ไม่ใช่เฉพาะเมื่อคุณสามารถประสบความสำเร็จได้แล้วเท่านั้น

Passion ที่ผมค้นพบนั่นก็คือ การโค้ชผู้คนให้ประสบความสำเร็จ อันที่จริงแล้วผมเองต้องยอมรับว่าผมเป็นนักเรียนที่แย่ ผมเบื่อกับการเข้าประชุม ในหัวข้อที่ซ้ำเดิมตลอดเวลา และไม่มีความสุขกับการนำดาวน์ไลน์เข้าไปนั่งประชุม

แต่เมื่อใดก็ตามที่ผมมีโอกาสได้ถ่ายทอด ความรู้ที่ผมได้เรียนรู้มา ไม่ว่าจะเป็นจากการอ่านหนังสือ ฟังซีดี หรือเข้าสัมมนา หรือเคล็ดลับบางสิ่งบางอย่างที่ผมค้นพบให้กับผู้อื่น ผมพบว่าผมมีแรงผลักดัน และมีความสุขในทุก ๆ ครั้ง และนั่นก็คือ passion ของผมในระหว่างการทำธุรกิจเครือข่าย ดังนั้นผมจึงยินดี ที่จะโค้ชผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นทีมงานของผมหรือไม่ก็ตาม เพราะนั่นเท่ากับการเติมเต็มความฝันของผม และนั่นเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมสามารถใช้ชีวิตบนความฝันของผม ในระหว่างที่กำลังทำธุรกิจเครือข่าย

มีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่คุณอาจจะชื่นชอบในการทำธุรกิจเครือข่าย ถ้า passion ของคุณคือการสังคมกับผู้คนจำนวนมาก คุณย่อมสามารถทำไปได้ด้วยดีในธุรกิจเครือข่าย หรือถ้า passion ของคุณคือการพูดคุยกับคนที่คุณอยากคุยด้วย โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องรู้จักพวกเขามาก่อน เพื่อสร้างมิตรภาพใหม่ ๆ คุณย่อมสามารถทำไปได้ด้วยดีในธุรกิจเครือข่าย และยังมีสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่รอให้คุณค้นพบอยู่ ขอเพียงคุณเปิดใจค้นหา และยอมรับคุณย่อมสามารถค้นพบได้ในที่สุด

สิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงการยอมรับในความ ชื่นชอบ ความฝัน แรงปรารถนาในตัวคุณ และหาสิ่งที่สอดคล้อง หรือสิ่งที่คุณทำเป็นประจำในการทำธุรกิจเครือข่าย เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถใช้ชีวิตบนความฝัน แบบที่ผมสามารถทำได้อย่างแน่นอน

ดัชนีชี้วัดความสำเร็จในธุรกิจของคุณ


ดัชนีชี้วัดความสำเร็จในธุรกิจของคุณ


ใน การทำธุรกิจเครือข่ายนั้น มีเครื่องวัดระดับความสำเร็จ และสุขภาพของธุรกิจ เฉกเช่นเดียวกันกับการมีสุขภาพที่ดีในตัวบุคคล สามารถวัดได้จากการมีร่างกายที่แข็งแรง และมีจิตใจที่แจ่มใส ในธุรกิจเครือข่ายก็มีเครื่องมือวัด และมีวิธีการวัดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งถ้าคุณได้เรียนรู้การใช่้เครื่องมือนี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณย่อมสามารถที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืนมากคุณ คุณพร้อมหรือยัง ?

ดัชนีชี้วัดนั้นก็คือ VITAL ซึ่งเราสามารถที่จะนำตัวย่อต่อไปนี้ เพื่อนำมาตรวจสอบความสำเร็จ และสร้างความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายของเราได้

การสร้างวิสัยทัศน์ของการประสบความสำเร็จ (Visualize your vision.)
เบื้อง หลังของการประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง มาจากการค้นพบเหตุผลว่าทำไม คุณจึงควรที่จะเรียนรู้การสร้างวิสัยทัศน์ เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจว่าทำไม คุณจึงควรทำธุรกิจเครือข่าย เพราะถ้าขาดวิสัยทั้ศน์ที่ดีแล้ว คุณย่อมไม่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน ซึ่งวิธีการในการสร้างวิสัยทัศน์นั้นก็คือ การเขียนเส้นทางความสำเร็จของคุณในอีก 5 ปีข้างหน้าของคุณ ออกแบบผลลัพธ์ในอนาคต ด้วยตัวของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการใช้ชีวิต บ้านของคุณ หรือรถ หรือสิ่งที่คุณทำ แล้วเขียนออกมา นั่นจะช่วยให้คุณสามารถสร้างวิสัยทัศน์ของการประสบความสำเร็จได้

จุดไฟความตั้งใจของตัวคุณให้ติด (Ignite your intention.)
อ่าน สิ่งที่คุณต้องการ ที่คุณได้เขียนไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะเป็นการประกาศ ว่าคุณจะลงมือทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์นี้อย่างแท้จริง และนี่คือสิ่งที่คุณต้องการอย่างแท้จริง ซึ่งสิ่งที่จะช่วยในการจุดไฟ เพื่อที่จะเติมเต็มความฝันของคุณให้เป็นจริงได้ ก็คือความเชื่อของคุณ ที่คุณควรจะเชื่อว่าุคุณสามารถทำสิ่งที่คุณฝันให้เป็นความจริงได้ และตัวคุณสมควรได้รับผลลัพธ์นั้นอย่างแท้จริง อีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้คุณสามารถจุดไฟได้อย่างดี นั่นก็คือการรายล้อมด้วยเรื่องราว ของเหล่าผู้ประสบความสำเร็จ เพราะตราบใดก็ตามที่คุณเองยังไม่มีความสำเร็จของตนเอง การใช้เรื่องราวของผู้อื่น จะช่วยสร้างแรงบัลดาลใจ และเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ในการจุดไฟแห่งความตั้งใจของคุณ

ฝึกฝนทีมงานของคุณ (Train your team.)
ลำดับ ต่อไปคือการฝึกฝนทีมงานของคุณ ให้สามารถลงมือทำแบบที่คุณทำได้ เพื่อให้พวกเขาสามารถเติมเต็มความต้องการ ของพวกเขาได้ด้วยตัวพวกเขาเอง ซึ่งการฝึกฝนที่ดีที่สุดนั้น เริ่มต้นคุณจำเป็นต้องสาธิตให้พวกเขาดูก่อน หลังจากนั้นก็ให้พวกเขาทำ และคุณเป็นผู้ดู และให้คำแนะนำในตอนท้าย แต่คุณต้องจดจำไว้ว่า การที่คุณตำหนิทีมงานของคุณ ในขณะการทดลองทำงานครั้งแรก จะเป็นการทำลายความมั่นใจอันน้อยนิด ของพวกเขาให้หมดไป ซึ่งคุณจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง และให้คำแนะนำหลังจากที่ทีมงานของคุณนั้นทำเสร็จแล้วเท่านั้น

ลงมือทำอย่างถูกวิธี (Act authentically.)
การ ลงมือทำอย่างถูกวิธี เป็นสิ่งสำคัญต่อการสร้างความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย เพราะมีผู้คนจำนวนมากมาย ที่ต่างบอกว่าพวกเขาได้ลงมือทำอย่างหนัก และทุ่มเททุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่างอย่างเต็มที่แล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์จากธุรกิจเครือข่าย ให้เกิดขึ้นได้เลย และในที่สุด พวกเขาก็ตัดสินใจ เลิกทำธุรกิจเครือข่ายนี้ไปในที่สุด ซึ่งสาเหตุนั้นก็เพราะพวกเขาทำแบบผิดวิธีนั่นเอง เพราะทุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่างล้วนมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกันออกไป คุณไม่สามารถใช้ไม้ตีเทนนิส เพื่อมาตีปิงปองได้ ก็เช่นเดียวกันการทำธุรกิจเครือข่าย คุณไม่สามารถนำประสบการณ์เดิม ๆ จากโมเดล เดิม ๆ ของตัวคุณมาใช้ได้ เพราะถ้าคุณทำเช่นนั้น คุณจะไม่มีทางได้ผลลัพธ์ในการทำธุรกิจเครือข่ายอย่างแน่นอน

รักชีวิตของคุณ (Love your life.)
สิ่ง สุดท้ายที่คุณต้องทำก็คือ รักชีวิตของคุณ รักทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่างที่คุณทำ เพราะตามกฎแห่งการดึงดูด ยิ่งคุณมีความสุขมากเท่าใด จักรวาลจะจัดสรรค์ความสุขที่มากขึ้นให้กับคุณมากเท่านั้น รักในสิ่งที่คุณทำตั้งแต่วันนี้ และคุณจะได้แต่สิ่งดี ๆ อย่างที่คุณไม่อาจจะจินตนาการได้เลยทีเดียว

และนี่คือดัชนีชี้วัดความสำเร็จในธุรกิจ เครือข่ายของคุณ ซึ่งถ้าคุณสามารถทำตามดัชนีเหล่านี้ได้ นั่นจะเป็นตัวการันตีอย่างดี ต่อความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายของคุณ

กุญแจสำคัญสู่การกล้าลงมือทำ


กุญแจสำคัญสู่การกล้าลงมือทำ


เป็น เรื่องปกติที่คุณอาจจะไม่สามารถแยกออกว่าการคิดฝัน และการลงมือทำในชีวิตจริงมีความแตกต่างกันอย่างไร ? เพราะคุณขาดประสบการณ์ และความรู้ที่จะช่วยให้คุณสามารถตระหนักได้ แต่ถ้าคุณสามารถทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ของคุณ ในการคบหาสมาคมกับคนที่ประสบความสำเร็จ คุณย่อมจะสามารถพบคำตอบนั้น และสามารถที่จะเปลี่ยนตัวเองจากการเป็นเพียงนักฝัน สู่การลงมือทำอย่างแท้จริง
คุณอยากจะรู้เคล็ดลับนี้หรือยัง ?

ก่อนอื่นผมอยากจะพูดถึงคนสี่กลุ่มหลัก ๆ ก่อน แล้วอยากให้คุณลองดูว่าคุณเป็นคนในกลุ่มใด

กลุ่มแรก – เป็นกลุ่มที่ไม่มีเป้าหมาย และไม่ยอมทำการตัดสินใจเรื่องใด ๆ เลย

กลุ่มที่สอง – เป็นกลุ่มที่มีความฝันที่สวยงาม และยิ่งใหญ่ แต่พวกเขากลัวมากเกินกว่าที่จะกล้าลงมือทำ สิ่งต่าง ๆ เพราะพวกเขานั้นไม่มีความมั่นใจในตนเอง ว่าพวกเขาจะสามารถทำได้สำเร็จ

กลุ่มที่สาม – เป็นกลุ่มที่มีความฝันเช่นเดียวกัน และในตอนเริ่มต้นพวกเขาก็ลงมือทำอย่างหนัก แต่ปัญหาของกลุ่มนี้ก็คือ เมื่อพวกเขาพบกับอุปสรรคพวกเขาเลือกที่จะล้มเลิก มากกว่าที่จะต่อสู้กับอุปสรรคนั้น ๆ

กลุ่มที่สี่ – เป็นกลุ่มคนที่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง พวกเขาต้องการที่จะเปล่งประกาย และเป็นแรงผลักดันให้กับผู้อื่น เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้ทำการตั้งเป้าหมายไว้ พวกเขาไม่มีวันล้มเลิก ถึงแม้ว่ามีอุปสรรคมากมายเพียงใด พวกเขาก็ยังเลือกที่จะเดินหน้าต่อมากกว่าที่จะเลือกยอมแพ้

เมื่อคุณมองเห็นแล้วว่ากลุ่มคนทั้ง 4 กลุ่มนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร คุณย่อมอยากรู้ถึงเคล็ดลับของการกล้าลงมือทำ ซึ่งต่อไปนี้คือเคล็ดลับ 10 ประการนั้น

เคล็ดลับข้อที่ 1
การที่คุณจะกล้าลงมือ ทำได้ ก่อนอื่นคุณต้องเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบต่ออนาคตของคุณ และหยุดกล่าวโทษอุปสรรคที่คอยขวางกั้นคุณไว้ สิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงการก้าวข้ามอุปสรรคนั้นไป

เคล็ดลับข้อที่ 2
ขจัดความกลัวให้หมดไป ขอให้คุณจดจำไว้ว่าเมื่อใดก็ตามที่คุณเข้าสู่สนามแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตหรือในธุรกิจของคุณก็ตาม อย่ารีรอที่จะลงมือทำทันที

เคล็ดลับข้อที่ 3
หยุดการบ่น กล่าวโทษ เพราะยิ่งคุณทำมากเท่าใด คุณก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่คุณจะพบกับความล้มเหลวได้มากขึ้น เพราะคุณติดนิสัยของการกล่าวโทษไปแล้วนั่นเอง

เคล็ดลับข้อที่ 4
มองโลกด้วยมุมมองของ ผู้อื่นบ้าง การที่คุณจะเป็นผู้นำที่แท้จริง คุณควรจะมองโลกในมุมมองของคุณ และมุมมองของผู้อื่นด้วย ใช้มุมมองของคุณในการนำทาง และใช้มุมมองของผู้อื่นในการสร้างการเชื่อมสัมพันธ์ และนั่นจะทำให้คุณสามารถสร้างทีมงานให้ประสบความสำเร็จได้

เคล็ดลับข้อที่ 5
เติมไฟให้กับตัวคุณเองตลอดเวลา ด้วยแรงปรารถนาที่ผลักดันตัวคุณ (Passion) รางวัลจากการประสบความสำเร็จไม่ได้มีไว้ให้กับคนที่ฉลาดหรือคนที่มีทรัพยากรที่ดีกว่า แต่มีไว้สำหรับคนที่มี passion ต่างหาก

เคล็ดลับข้อที่ 6
ตั้งเป้าหมายให้สูงกว่าคนทั่ว ๆ ไป ถ้าคนทั่วไปตั้งเป้าในการคุยกับผู้มุ่งหวังวันละ 5 คน คุณต้องทำให้ได้ 10 คนเป็นอย่างน้อย

เคล็ดลับข้อที่ 7
การรอให้คุณรู้สึก ปลอดภัยก่อนจึงค่อยลงมือทำ เป็นความเชื่อที่ผิด คุณจำเป็นต้องลงมือทำ ทั้ง ๆ ที่กลัว สงสัย และรู้สึกไม่อยากทำ เพราะไม่มีวันที่คุณจะรู้สึกปลอดภัยจากการลงมือทำในสิ่งที่คุณยังไม่เคยทำ ได้

เคล็ดลับข้อที่ 8
ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ที่เข้ามาสู่ชีวิตของคุณ ถ้าคุณไม่ยอมเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง คุณย่อมไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ใหม่ ๆ ได้เป็นเด็ดขาด

เคล็ดลับข้อที่ 9
ลงมือทำในสิ่งที่คุณเริ่มให้เสร็จ มีพันธะสัญญาในตนเองว่า ถ้าเริ่มทำ คุณต้องทำให้เสร็จหรือไม่ก็ไม่ทำ

เคล็ดลับข้อที่ 10
ถ้าคุณทำตามทุก ๆ ข้อที่กล่าวมา คุณก็เพียงรอรับผลลัพธ์ ที่จะตอบแทนคุณกลับมาเท่านั้นเอง

การสร้างความมั่นใจในการทำธุรกิจเครือข่าย


การสร้างความมั่นใจในการทำธุรกิจเครือข่าย


การ ที่คุณจะสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว คุณจำเป็นที่จะต้องสามารถสร้างความมั่นใจ ในการทำธุรกิจนี้ให้ได้เสียก่อน เพราะถ้าคุณยังขาดความมั่นใจในการลงมือทำอยู่นั้น คุณย่อมไม่สามารถออกไปสร้างผลลัพธ์จากการลงมือทำ ได้เท่าที่คุณต้องการอย่างแน่นอน เพราะผู้มุ่งหวังย่อมสามารถจับความรู้สึกกลัว ความรู้สึกกังวลจากตัวคุณได้ และนั่นจึงทำให้พวกเขาปฏิเสธคุณในที่สุด
คุณอยากรู้วิธีสร้างความมั่นใจหรือยัง ?

ก่อนที่คุณจะสามารถสร้างความมั่นใจให้เกิด ขึ้นได้ ก่อนอื่นคุณต้องตระหนักถึงสาเหตุที่ทำให้คุณ ขาดการความมั่นใจก่อน เพราะถ้าคุณไม่สามารถค้นหาสาเหตุของการขาดความมั่นใจได้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะสามารถสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นได้

สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ผู้คนขาดความมั่นใจ ไม่เฉพาะการทำธุรกิจเครือข่ายเท่านั้นแต่ยังเกิดกับธุรกิจอื่นๆด้วย นั่นก็คือการไม่มั่นใจกับการที่ต้องลงมือทำ ซึ่งการไม่มั่นใจนั้น สืบเนื่องมาจากการขาดทักษะที่สำคัญ ๆ และขาดการฝึกฝนอย่างพอเพียงนั่นเอง

ถ้าคุณจำตอนที่คุณขี่จักรยานครั้งแรกได้ คุณคงเข้าใจในเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น เพราะเมื่อครั้งแรกที่คุณเริ่มขี่จักรยานเป็น คุณย่อมไม่มั่นใจอย่างมาก เพราะคุณได้รับความเจ็บ และมีความอายจากการฝึกหัดขี่จักรยาน ซึ่งเมื่อคุณไม่มั่นใจ คุณย่อมแสดงออกมาในท่าทางการขับขี่ของคุณ นั่นคือตัวคุณจะเกร็งผิดปกติ และนี่คือเหตุผลที่คุณล้ม

ในการทำธุรกิจเครือข่ายนั้นก็เฉกเช่นเดียว กัน คุณเริ่มต้นด้วยการทำธุรกิจนี้จากความรู้และประสบการณ์เป็นศูนย์ มีเพียงแต่ความอยากเท่านั้น ที่ชักนำให้คุณกล้าลงมือทำ แต่ก็ด้วยความที่คุณขาดความรู้และประสบการณ์ จึงส่งผลให้คุณขาดความมั่นใจในการลงมือทำไปด้วย เมื่อคุณขาดความมั่นใจ ย่อมไม่เป็นเรื่องแปลกเลย ที่เมื่อคุณไปบอกเล่าธุรกิจของคุณให้กับผู้มุ่งหวัง และคุณโดนปฏิเสธกลับมา เพราะผู้มุ่งหวังย่อมสามารถรับรู้ความไม่มั่นใจที่คุณส่งออกไป และพวกเขาจึงไม่มั่นใจว่าสิ่งที่คุณกำลังพูดอยู่นั้น จะเป็นจริงได้มากน้อยเพียงใด พวกเขาจึงปฏิเสธคุณในที่สุดนั่นเอง

เมื่อคุณเข้าใจถึงสาเหตุของการขาดความมั่นใจแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำ เพื่อการเพิ่มความมั่นใจนั้นมีด้วยกัน 2 สิ่ง

สิ่งแรก คุณจำเป็นต้องเพิ่มพูนความรู้ของตัวคุณ จากการอ่านหนังสือ ฟังซีดี เข้าร่วมงานประชุม หรือเข้าร่วมการสัมมนาที่มีประโยชน์

และสิ่งที่ 2 ก็คือการเพิ่มพูนประสบการณ์ นั่นก็คือการลงมือทำทำให้มากขึ้น โดยไม่ต้องสนใจผลลัพธ์ที่จะตามมา ไม่ต้องสนใจการถูกปฏิเสธ ขอให้คุณมุ่งความสนใจไปยังการเก็บเกี่ยวประสบการณ์เท่านั้น เพราะนั่นจะเป็นสิ่งที่มีค่ามหาศาลต่อตัวคุณ เพื่อสร้างความมั่นใจได้

ขอให้คุณจดจำไว้ว่าไม่มีใครที่เกิดมา เพื่อเป็นหนึ่งในสิ่งที่พวกเขาทำ เพียงแต่ด้วยความรู้ และประสบการณ์ต่างหาก ที่ผลักดันให้พวกเขาก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งได้

ถ้าคุณทำตามที่ผมได้กล่าวไป คุณย่อมสามารถสร้างความมั่นใจในตัวคุณ ให้เกิดขึ้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย และสุดท้ายคุณย่อมสามารถสร้างผลลัพธ์ในธุรกิจเครือข่ายได้เท่าที่คุณต้องการ

Freelance กับนักธุรกิจเครือข่าย


Freelance กับนักธุรกิจเครือข่าย


ผม อยากจะพูดถึงงาน ๆ หนึ่ง ที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกับการเป็นนักธุรกิจเครือข่าย นั่นก็คือ งานที่เรียกว่า freelance ซึ่งก็คือคนที่ทำงานอิสระ โดยไม่ได้สังกัดบริษัทใด ๆ ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ และรับงานเป็นงาน ๆ ไป คุณอาจจะสงสัยว่าผมกำลังจะสื่อสารอะไรถึงคุณกันแน่ สิ่งที่ผมต้องการที่จะสื่อสารในวันนี้ก็คือ การตอกย้ำให้คุณได้เข้าใจถึงข้อดีของการเป็นนายของตนเอง และการเลือกรับรายได้ตามผลงาน มากกว่ารับรายได้ตามการแทนค่าเวลาของคุณ คุณอยากเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการสื่อสาร ?

ข้อดีของการเป็น freelance นั้นมีมากมาย ดังที่ผมได้พูดไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความเป็นอิสระจากการถูกสั่งการ ไม่มีหัวหน้า ไม่มีลูกน้อง ไม่จำเป็นต้องเข้าทำงานที่บริษัท และเลือกรับรายได้ตามผลงาน ซึ่งอันที่จริง นี่ก็เป็นสิ่งที่ผมได้ทำมาก่อนที่จะทำธุรกิจเครือข่าย

ปัญหาของคนส่วนใหญ่ในโลกนี้ก็คือ พวกเขาต้องการความมั่นคง โดยเฉพาะคนไทย ดังนั้นคุณคงเห็นว่างานราชการจึงมีการแข่งขันที่สูงมาก ทั้ง ๆ ที่เป็นงานที่เติบโตได้ช้า รายได้น้อย แต่มีความมั่นคง

แต่คุณทราบหรือไม่ครับว่านี่เป็นความคิด ของคนทั่ว ๆ ไป ซึ่งไม่มีทางได้รับอิสระภาพทางด้านการเงิน และเวลา เหตุผลก็เพราะในโมเดลนี้คุณจำเป็นต้องแทนค่าเวลาเกือบทั้งหมดของคุณ เพื่อแลกกับความมั่นคง และเวลาที่เหลือของคุณก็คือเวลาหลังจากเกษียณการทำงาน

แต่เรื่องที่น่าเศร้าก็คือ เมื่อคุณเกษียณจากการทำงาน คุณจำเป็นต้องเกษียณจากการรับรายได้ด้วย คุณอาจจะแย้งว่าแล้วบำเหน็จ บำนาญล่ะ ผมบอกได้เลยว่าเงินจาก 2 แหล่งนี้ไม่เพียงพอกับการที่คุณจะสามารถใช้ชีวิตแบบมีอิสระภาพได้อย่างแน่ นอน

ซึ่งวันนี้ที่ผมอยากจะพูดก็คือ การเปิดโอกาสให้กับคุณ ที่จะมองโลกในมุมมองที่แตกต่างออกไป เพื่อที่คุณจะสามารถสร้างทางเลือกได้มากขึ้นนั่นเอง

ขอผมพูดถึงสาเหตุที่ผมตัดสินใจทำงานแบบ freelance นิดนึงนะครับ สาเหตุหลัก ๆ ก็เพราะผมไม่เคยเชื่อในความมั่นคง ที่ทุก ๆ คนนั้นพูดถึง ผมไม่เคยเชื่อในตำแหน่งว่าจะทำให้เราสามารถมีชีวิตที่มีความสุข เพราะทั้งหมดนั้นเปรียบเสมือนภาพลวงตาที่ไม่ได้มีอยู่จริง

ผมเลือกทำ freelance เพราะผมสามารถเป็นเจ้านายตัวเองได้ ด้วยการเลือกทำงานที่ผมอยากทำ กำหนดช่วงเวลาในการทำงานของตัวผมเอง และออกแบบรูปแบบชีวิตของตัวเอง และที่สำคัญคือ รับรายได้ตามผลงาน ไม่ใช่รับรายได้ตามการแทนค่าเวลา ซึ่งนั่นทำให้ชีวิตของผมมีอิสระภาพมากขึ้นในเรื่องของเวลา และถ้าผมมีวินัยในการทำงานเพียงพอ ผมยังสามารถสร้างรายได้ในระดับที่สูงกว่าการทำงานประจำอีกด้วย

อีกประการที่สำคัญที่ผมอยากจะพูดถึงก็คือ การเป็น freelance และการทำธุรกิจเครือข่าย นั้นสามารถทำด้วยกันได้ เพราะถ้าเราสามารถจัดการเวลาให้เหมาะสมได้ เราจะสามารถทำทั้ง 2 อย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ลงมือทำธุรกิจเครือข่ายในช่วงเช้า และงานของคุณในช่วงบ่าย เป็นต้น ที่เราจำเป็นต้องทำทั้ง 2 อย่างพร้อม ๆ กัน ก็เพราะในช่วงเริ่มต้นของการทำธุรกิจเครือข่าย คุณจำเป็นต้องมีเงินทุน ไม่ว่าจะเป็นทุนในการหมุนเวียนสินค้า ทุนในการพัฒนาตัวคุณ ซึ่งผมไม่แนะนำเป็นอย่างยิ่ง ให้คุณลาออกจากงาน แล้วหันมาทำธุรกิจเครือข่ายเพียงแค่อย่างเดียว เพราะโอกาสในการประสบความสำเร็จนั้นเป็นไปได้ยากมาก

สิ่งที่ผมพูดวันนี้ผมเพียงแค่อยากให้คุณ ลองมองหาโอกาสอื่น ๆ ในชีวิตของคุณ และถ้าบางทีคุณสามารถปล่อยวางความต้องการความมั่นคง และมองหาโอกาสในการสร้างความมั่งคั่ง พร้อมทั้งมีอิสระภาพทางด้านเวลามากขึ้น บางทีการเป็น freelance อาจจะเป็นคำตอบของคุณควบคู่กับการทำธุรกิจเครือข่ายก็เป็นได้

การจัดการกับความกลัว


การจัดการกับความกลัว


หลาย ๆ คนไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เท่าที่ควร เพราะพวกเขาถูกความกลัวหยุดยั้งพวกเขาจากการลงมือทำ จึงทำให้พวกเขาไม่สามารถได้รับผลลัพธ์ ได้ตามที่พวกเขาต้องการนั่นเอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง ที่เราจะต้องรู้จักกับวิธีการจัดการกับความกลัว เพื่อที่จะทำให้สามารถลงมือทำ อันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เราได้รับผลลัพธ์ ได้ตามที่เราปรารถนานั่นเอง
คุณพร้อมที่จะรู้จักวิธีการจัดการกับความกลัวนี้หรือยัง ?

ความกลัวที่อยู่ในตัวผู้คนนั้น เป็นเรื่องปกติอย่างที่สุด และไม่มีทางที่จะมีใครที่ไม่มีความกลัวอยู่ในตัวเองเลย หลาย ๆ คนจึงพยายามมองหาหนทางในการขจัดความกลัวให้หมดไป หรือไม่ก็พยายามหลีกเลี่ยงความกลัวเหล่านั้น

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความกลัวคือสิ่งที่อยู่ในตัวของเราทุก ๆ คน เราจึงไม่สามารถที่จะทำลายความกลัวให้หมดไปหรือหลีกเลี่ยงความกลัวเหล่านั้น ได้ ซึ่งคำถามที่ตามมาก็คือ แล้วเราจะทำอย่างไรกับความกลัวของเรา ที่จะสามารถให้เราสามารถลงมือทำแบบ whatever it takes เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เราต้องการให้ได้

ด้วยความที่ความกลัวนั้นอยู่ในตัวของเรา อันดับแรก เราจึงต้องเข้าใจและยอมรับให้ได้ก่อนว่าตัวเราเองเกิดความกลัวจริง หลังจากนั้นเราจึงจะสามารถที่จะฝึกฝนความกลัวให้เชื่องได้ เหมือนกับหมองู ที่สามารถฝึกงูให้เต้นรำตามเสียงเพลงที่หมองูเล่นนั่นเอง

การฝึกความกลัวให้เชื่อฟังคำสั่งของเรา นั้น จะช่วยให้เราสามารถก้าวข้ามความกลัว และสามารถลงมือทำได้ตามที่เราต้องการ แต่การที่จะฝึกความกลัวให้เชื่อฟังคำสั่งของเรานั้น ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายเลย ก็เพราะปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ต่างถูกความกลัวเหล่านั้นสั่งการตัวพวกเขาอยู่

ผมจึงอยากจะให้คุณลองคิดดูครับว่า คุณเคยอยู่ในเหตุการณ์เช่นต่อไปนี้หรือไม่ เช่น คุณอยากสปอนเซอร์คนแปลกหน้าแต่คุณไม่กล้าลงมือซักที เนื่องจากคุณมีความกลัวลึกๆอยู่ภายในตัวคุณ นี่คือตัวอย่างของการที่ความกลัวเข้าครอบงำคุณ

การฝึกฝนเพื่อควบคุมความกลัวนั้น คุณจำเป็นต้องมีจิตใจที่มุ่งมั่นกับเป้าหมายของคุณ คุณต้องยินยอมรับผลลัพธ์ของความรู้สึกที่ไม่ดีให้ได้ เหมือนกับการที่คุณจะเลิกเหล้า หรือเลิกบุหรี่นั่นเอง

เมื่อใดก็ตามที่คุณอยู่ในสถานการณ์ของการ ที่คุณจำเป็นต้องตัดสินใจ ขอให้คุณลงมือทำ โดยไม่ต้องสนใจเสียงทัดทานใด ๆ ในตัวคุณ ไม่ว่าคุณจะกลัวมากเพียงใด เชื่อหัวใจของคุณ และอย่าใช้สมองของคุณตัดสินใจ เพราะมันไม่ได้ช่วยให้สิ่งต่าง ๆ ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ยิ่งคุณสามารถลงมือทำ โดยไม่ได้สนใจความกลัวที่อยู่ในตัวของคุณมากขึ้นเท่าใด คุณยิ่งสามารถกลายเป็นผู้ควบคุมความกลัวของตัวคุณได้ดีขึ้นเท่านั้น และในที่สุดคุณย่อมสามารถควบคุมความกลัวของคุณให้เชื่องกับตัวคุณได้อย่าง สิ้นเชิง และส่งผลให้คุณสามารถสร้างผลลัพธ์จากการทำธุรกิจเครือข่ายได้ตามที่คุณต้อง การ

ความจริงในธุรกิจเครือข่าย


ความจริงในธุรกิจเครือข่าย


หลัง จากที่ผมมีโอกาส ได้พบปะพูดคุยกับนักธุรกิจเครือข่ายแถวหน้าของเมืองไทยที่ประสบความสำเร็จ อยู่ในขณะนี้ หลาย ๆ คนได้ให้ข้อคิด ดี ๆ เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายที่ผมอยากที่จะนำมาแบ่งปันให้กับทุก ๆ ท่านในวันนี้ เพื่อที่จะได้เข้าใจอย่างแท้จริง กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในการทำธุรกิจเครือข่ายของคุณ เพื่อที่คุณจะสามารถหาทางในการปรับตัว เพื่อทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบผลสำเร็จ คุณพร้อมที่จะรู้ความจริงนี้หรือยัง ?

ก่อนจะเริ่มพูดถึงผมเองจำเป็นต้องบอกท่าน ที่อ่านก่อนว่า เรื่องต่อไปนี้อาจจะทำร้ายความรู้สึก ความเชื่อ ความศรัทราของท่านอย่างมาก แต่ผมเองขอบอกได้เลยว่านี่เป็นเรื่องจริง และสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ เป็นความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้

ความจริงก็คือในธุรกิจเครือข่าย ไม่ได้ออกแบบมาให้ทุก ๆ คนสามารถประสบความสำเร็จได้ทุก ๆ คน ถึงแม้ว่าธุรกิจนั้น ๆ จะมีเครื่องมือช่วยสำเร็จที่เรียกว่าระบบก็ตาม และถึงแม้ว่าระบบนั้นจะสามารถสร้าง ผู้ประสบความสำเร็จได้จำนวนมากขนาดใดก็ตาม แต่ถึงอย่างไรระบบเหล่านั้น ยังไม่ได้เอื้อให้ทุก ๆ คนสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจ ได้อย่าง 100%

สาเหตุนั้นก็เพราะ ระบบนั้นถูกออกแบบขึ้นด้วยความน่าจะเป็นที่จะทำให้ผู้ใช้ระบบ สามารถประสบความสำเร็จได้ โดยความน่าจะเป็นนั้น อ้างอิงในกลุ่มผู้ใช้จำนวนมากว่าจะช่วยให้พวกเขาสามารถที่จะทำตามได้ ถ้าจะพูดให้ถูกแล้ว ระบบนั้นไม่ได้ถูกออกแบบให้สามารถสร้างความสำเร็จ ให้กับนักธุรกิจทุก ๆ คน แต่ถูกออกแบบให้นักธุรกิจทุก ๆ คน สามารถใช้ได้ในการเริ่มต้นธุรกิจต่างหาก

และข่าวร้ายสำหรับท่านที่ใช้ระบบนั้นอยู่ ก็คือ เหล่าผู้ประสบความสำเร็จทั้งหมด ไม่มีใครเลย ที่ประสบความสำเร็จโดยใช้ระบบแบบ 100% พวกเขาอาจจะใช้ก็จริง แต่ไม่มีใครเลยที่ใช้ระบบอย่างเดียว และเดินตามเส้นทางของระบบนั้นแบบ 100%

สาเหตุนั้นก็เพราะว่า ระบบนั้นล้วนถูกออกแบบมาเป็นเสมือนบททดสอบและการฝึกฝน ให้กับนักธุรกิจใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการลิสต์รายชื่อ และการโทรเชิญตามสคริปท์ ซึ่งโอกาสประสบความสำเร็จน้อยเหลือเกิน แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องทำ ก็เพื่อฝึกให้นักธุรกิจเครือข่ายหน้าใหม่ได้รู้จักกับการทำงานและการถูก ปฏิเสธ

ซึ่่งในขั้นตอนนี้จะเกิดผลลัพธ์ 2 แบบ คือผู้ที่สามารถเอาชนะแรงต้านได้ ก็จะสามารถผ่านเข้าไปในขั้นตอนทดสอบต่อไป คือการแสดงแผน แต่ผู้ที่ยอมแพ้ต่อแรงต้านก็จะต้องหลุดวงโคจรออกไปจากธุรกิจ

คำถามคือ ท่านจะสามารถออกจากบททดสอบนี้ได้เมื่อไหร่ ? ท่านสามารถที่จะออกจากบททดสอบนี้ได้ก็ต่อเมื่อ ท่านสามารถปรับระบบเหล่านั้นเข้ากับการทำงานของตัวท่านได้นั่นเอง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเราต้องผ่านแรงต้านมากมาย กว่าที่จะสามารถผ่านพ้นมาจนถึงขั้นหลอมรวมระบบเข้ากับตัวเราได้

ผมจึงอยากจะเสนอระบบใหม่ที่ท่านจะสามารถยก ระดับตัวท่าน และสามารถดึงดูดผู้มุ่งหวังเข้ามาหาท่านได้ เพื่อที่จะทำให้การประสบความสำเร็จไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป ถ้าท่านต้องการที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายอย่างแท้จริง สิ่งที่ท่านจำเป็นต้องทำ ก็เพียงแค่คลิ๊กที่ลิ้งค์ด้านล่าง และรอรับการติดต่อกลับจากผม

3 อุปนิสัยเพื่อสร้างให้คุณกลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จ


3 อุปนิสัยเพื่อสร้างให้คุณกลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จ


วันนี้ผมจะพูดถึง 3 อุปนิสัย ที่จะช่วยให้คุณกลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จได้ นั่นก็คือ ความรอบคอบ ความยุติธรรม และความเมตตา ซึ่ง ถ้าคุณสามารถเข้าใจ และสามารถปฏิบัติตัวตาม 3 อุปนิสัยด้านบนได้ คุณย่อมสามารถที่จะกลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จ อย่างแน่นอน 100% คุณพร้อมจะสร้าง 3 อุปนิสัยนี้ เพื่อกลายเป็นคนประสบความสำเร็จทั้งในชีวิต และธุรกิจของคุณ แล้วหรือยัง ?

ความรอบคอบ - อุปนิสัยแรกที่คุณจำเป็นต้องทำการฝึกฝน นั่นก็คือความรอบคอบ ซึ่งหมายความว่า คุณจำเป็นต้องคิดไตร่ตรอง ต่อทุก ๆ การลงมือทำของตัวคุณ ให้การกระทำนั้นส่งผลดีต่อการประสบความสำเร็จ และการเดินทางสู่จุดมุ่งหมายของคุณ ให้มากที่สุด คุณจำเป็นต้องคิดถึงผลกระทบ ทุก ๆ อย่างที่คุณทำ ว่าจะส่งผลอย่างไรในอนาคต ไม่ใช่เพียงแค่ชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งผู้คนที่ประสบความสำเร็จ คือผู้ที่มีความรอบคอบ ต่อทุก ๆ การกระทำของพวกเขา นั่นจึงทำให้พวกเขาสามารถสร้างอนาคตตามที่พวกเขาต้องการได้

ความยุติธรรม - อุปนิสัยที่สองที่คุณจำเป็นต้องทำการฝึกฝน นั่นก็คือความยุติธรรม ซึ่งในกฏนี้นั้นก็เปรียบเสมือการให้พันธะสัญญา แก่บุคคลรอบตัวคุณ คุณสามารถเข้าใจเรื่องนี้ง่าย ๆ นั่นก็คือให้คุณลองจินตนาการว่าคุณสามารถเป็นผู้เขียนกฏหมาย กำหนดความเป็นไปของสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้ารประเพณี วัฒนธรรม เศรษฐกิจ หรือความสัมพันธ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะอยู่ในโลกของคุณตลอดไป และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ ซึ่งคุณนั้นถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขเพียงข้อเดียว นั่นก็คือ คุณต้องสร้างโครงสร้างเหล่านี้ขึ้นมา โดยไม่ได้อ้างอิงจากความเป็นตัวคุณ หรือสภาวะครอบครัวของคุณ หรือแม้แต่สภาวะทางร่างกายของคุณ นั่นก็คือคุณต้องเขียนกฏนี้ก่อนที่คุณจะเริ่มใช้ชีวิตจริง ๆ ซึ่งสิ่งที่คุณได้สร้างไว้ คุณจำเป็นต้องใช้ชีวิตภายใต้กฏนั้นตลอดชีวิตของคุณ แล้วคุณจะออกแบบกฏนั้นอย่างไร ? คำตอบของคำถามนี้จึงเป็นแนวคิดของความยุติธรรมที่แท้จริง นั่นก็คือการที่ทุก ๆ คน ใช้ชีวิตอยู่บนระบบเดียวกัน ถึงแม้จะมาจากภูมิหลังที่แตกต่างกัน และเมื่อใดที่คุณสามารถเข้าใจในเรื่องราวของความยุติธรรมนี้ คุณจะสามารถสร้างองค์กรณ์ ที่คำนึงถึงความถูกต้องมาก่อนเสมอ และนั่นจะทำให้องค์กรณ์ของคุณ แข็งแกร่ง และไม่มีทางล้มอย่างแน่นอน ซึ่งอุปนิสัยแห่งความรอบคอบ จะทำให้คุณสามารถสร้างความสำเร็จส่วนตัวของคุณ ในขณะที่อุปนิสัยของความยุติธรรม คุณจะสามารถสร้างทีมของผู้ชนะขึ้นมาได้

ความเมตตา - อุปนิสัยที่สามที่คุณจำเป็นต้องทำการฝึกฝน นั่นก็คือความเมตตา ซึ่งกฏนี้เป็นตัวบ่งบอกถึงความสุดยอด ของบุคคลได้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่คุณได้ทำการให้แก่ผู้คนรอบข้างตัวคุณ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือทีมงาน นั่นย่อมทำให้คุณรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น และเกิดความสุขภายใน และเมื่อใดก็ตามที่คุณ ดูแลผู้มุ่งหวังของคุณ ด้วยโอกาสทางธุรกิจที่ดีที่สุด และสินค้าที่ดีที่สุด คุณจะได้รับผลตอบแทนกลับมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ขอให้จดจำกฏนี้ไว้ให้มั่นว่า ยิ่งคุณให้กับผู้อื่น โดยไม่หวังผลตอบแทนมากเท่าใด สิ่งดี ๆ จะเข้ามาหาคุณมากเท่านั้น

การที่คุณสร้างสามอุปนิสัยนี้ คุณจะกลายเป็นคนที่เปิดกว้าง คุณจะสามารถตัดสินใจสิ่งต่าง ๆ จากความเป็นจริงได้มากกว่าจากสิ่งที่คุณคิด และคุณจะสามารถรองรับสิ่งดี ๆ และกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

ความลับสู่การพิชิตเป้าหมายของคุณ


ความลับสู่การพิชิตเป้าหมายของคุณ


ผม อยากจะแบ่งปันความลับสู่การพิชิตเป้าหมายของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายทางการเงิน ครอบครัว ความสัมพันธ์ หรือธุรกิจของคุณก็ตาม ถ้าคุณได้รู้ความลับนี้ เหมือนที่ผมมีโอกาสได้รู้ และได้ใช้ชีวิตภายใต้ความลับนี้ เช่นเดียวกันกับที่ผมทำ คุณย่อมสามารถพิชิตทุก ๆ เป้าหมายที่คุณต้องการ ด้วยตัวของคุณเอง แบบ 100% คุณพร้อมที่จะเรียนรู้ความลับสู่การพิชิตเป้าหมายของคุณ แล้วหรือยัง ?

ประการแรก รู้จักกับเป้าหมายของคุณ : ก่อน ที่คุณจะลงมือทำสิ่งใด ๆ ก็ตาม คุณควรจะแบ่งเวลาส่วนหนึ่ง เพื่อตรวจสอบให้เห็นว่าเป้าหมายที่คุณต้องการที่แท้จริง คืออะไร อะไรคือความสำคัญอันดับแรก ที่คุณต้องการ ขอให้คุณจดจำไว้ว่า ความชัดเจนจะสร้างพลังที่ยิ่งใหญ่ให้กับคุณ อย่างที่คุณคาดไม่ถึง และการกำหนดเป้าหมาย จะทำให้คุณไม่หลงทาง

ประการที่สอง กำหนดแผนการทำงานของคุณ : คุณ อาจไม่จำเป็นต้องบรรจุรายละเอียดทุก ๆ ประการลงไปในแผนการทำงานของคุณ เพราะนั่นเป็นการเปลืองเวลามากเกินความจำเป็น แต่คุณจำเป็นต้องรู้ว่าในขณะเวลาใด คุณควรให้ความสนใจกับงาน ๆ ใด และถ้าคุณสามารถวางแผนการทำงานของคุณ ผลลัพธ์ของการประสบความสำเร็จของคุณก็จะเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

ประการที่สาม รู้จักกับอุปสรรคที่ขวางกั้นคุณอยู่ : ถ้า คุณไม่สามารถรู้จักกับอุปสรรคที่ขวางกั้นคุณอยู่ ก็มีความเป็นไปได้ที่อุปสรรคนั้น จะบีบให้คุณล้มเลิกการเดินทางเพื่อคว้าเป้าหมายของคุณ คุณจึงจำเป็นต้องรู้จักกับอุปสรรค ที่ขวางกั้นคุณอยู่ให้ทะลุปรุโปร่งให้ได้ เพื่อการก้าวข้ามอุปสรรคนั้นอย่างสมบูรณ์

ประการที่สี่ เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ : ค่อย ๆ เก็บความสำเร็จเล็ก ๆ จากทุก ๆ วัน และเฉลิมฉลองชื่นชมกับความสำเร็จนั้น และด้วยการที่คุณชื่นชมความสำเร็จเล็ก ๆ เหล่านั้น ในทุก ๆ วัน ต่อไปความสำเร็จของคุณจะค่อย ๆ ขยายตัวขึ้น จนกลายเป็นความสำเร็จขนาดใหญ่ จากการเฉลิมฉลองและชื่นชมความสำเร็จของคุณนั่นเอง

ประการที่ห้า กล้าตัดสินใจ : ผู้ คนมากมายทำตัวเหมือนกับผู้อยู่นอกเหตุการณ์ หรือผู้ชมคอนเสริต พวกเขาไม่กล้าตัดสินใจทำสิ่ง ใด ๆ เนื่องจากกลัว พวกเขาจึงเลือกที่จะหยุด และเฝ้ามอง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาุถูกหยุดยั้งไว้ คุณจำเป็นต้องกลายเป็นผู้เล่นเกมส์ ตัดสินใจ และลงมือทำ ถึงแม้ว่าการตัดสินใจนั้นจะผิดพลาด แต่ถึงอย่างไร คุณก็ยังได้เริ่มต้นลงมือทำ และกล้าที่จะแบกรับความเสี่ยง และนั่นจะทำให้คุณสามารถเดินหน้าต่อได้

ประการที่หก อย่ายอมแพ้ : สร้าง พันธะสัญญากับตัวคุณเอง ว่าคุณจะไม่ยอมละทิ้งความฝันของคุณ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม บางครั้งหนทางที่คุณเดินนั้นอาจจะยากลำบาก แต่ถึงอย่างไร ถ้าคุณไม่ยอมแพ้ คุณย่อมไปถึงปลายทาง

ด้วยความลับทั้ง 6 ประการ คุณจะสามารถเดินทางสู่จุดมุ่งหมายของคุณได้ แต่คุณจำเป็นต้องเอาชนะตัวคุณให้ได้ก่อน ซึ่งวันพรุ่งนี้ ผมจะมาพูดถึงวิธีการเอาชนะตัวคุณ

การเอาชนะตนเอง


การเอาชนะตนเอง


การ ที่เราจะสามารถเดินทาง เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ หรือลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง เพื่อความฝันของเรา เป็นเรื่องยากอย่างมาก เพราะเราจำเป็นต้องเอาชนะความอยากชั่วคราว และความต้องการเล็ก ๆ ของตัวเรา แต่หลาย ๆ คน ก็ไม่สามารถเอาชนะตนเองได้ และเสียเวลากับการทำสิ่ง ที่ไม่ได้ตอบโจทย์ความฝัน ความต้องการของพวกเขาแม้แต่น้อย ดังนั้นถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จ คุณจึงจำเป็นต้องสามารถเอาชนะตนเองให้จงได้ คุณอยากเรียนรู้วิธีการเอาชนะตนเองนี้หรือยัง ?

การ เอาชนะตนเองนั้น เป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้มาล่าสุด จากการเข้าสัมมนาชื่อ Enlighten Warrior Training Camp ซึ่งการฝึกฝนเพื่อที่จะเป็นนักรบนี้ เราต้องสามารถใช้ชีวิตตามคำพูดที่ว่า One who conquer one self หรือคนที่สามารถเอาชนะตนเองได้นั่นเอง ซึ่งถ้าเราสามารถเอาชนะตัวเราเอง ย่อมไม่มีสิ่งใด มาหยุดยั้งเราจากการประสบความสำเร็จได้ และนั่นเองคือวิถีทางของการประสบความสำเร็จ

อันที่จริง แล้วตัวเราทุก ๆ คน ล้วนเกิดมาด้วยความสามารถของนักรบนี้ กล่าวคือ ถ้าย้อนไป หลาย ๆ รุ่น ย้อนไปถึงรุ่น ปู่ทวด ของปู่ทวดของเรา เราทุกคนล้วนมีเชื้อสายนักรบ ทุก ๆ คน แต่ทำไม เราจึงไม่สามารถนำพลังเหล่านั้นมาใช้ได้ สาเหตุก็เพราะเราถูกบางสิ่งบางอย่างปิดกั้นตัวเราไว้ จากการเข้าถึงพลังงานที่แท้จริงของเรา ซึ่งผู้ที่สามารถทลายขีดจำกัดที่ขวางกั้นพวกเขาได้ ก็ได้กลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงนั่นเอง

คุณอาจจะสงสัยว่า ทำไมคุณจึงจำเป็นต้องเป็นนักรบ เพราะคุณไม่ได้กำลังจะเข้าไปต่อสู้กับสิ่งใด ผมบอกคุณได้เลยว่าการที่คุณจะประสบความสำเร็จในสิ่งใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเครือข่าย หรืองานของคุณก็ตาม คุณจำเป็นต้องต่อสู่กับคู่ต่อสู้ที่โหดร้ายที่สุด นั่นก็คือตัวคุณเอง ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมอยากให้คุณลองคิดตามผมดูตามนี้ครับ กี่ครั้งที่คุณรู้ว่าคุณควรเข้าไปสปอนเซอร์ ผู้มุ่งหวังแต่คุณก็เลือกที่จะไม่ทำ เพราะคุณคิดไปเองว่าเค้าคงไม่เหมาะกับธุรกิจนี้ และผู้มุ่งหวังคนนั้นคงไม่สนใจในธุรกิจของคุณ ซึ่งอันที่จริงสิ่งที่คุณคิดขึ้น เป็นเพียงแค่ความคิดที่คุณคิดขึ้นมา เพื่อปกป้องตัวคุณเท่านั้น และไม่ได้เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย

เสียงเล็ก ๆ นั้นจะหยุดยั้งคุณจากการลงมือทำ และนั่นคือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องต่อสู้ และถ้าคุณสามารถกลายเป็นนักรบ คุณย่อมสามารถเอาชนะเสียงเล็ก ๆ นั้น และเลือกควบคุมเสียงเล็ก ๆ นั้นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เส้นทางการควบคุมเสียงเล็ก ๆ นั้นไม่ได้เป็นเรื่องง่าย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมจะได้ทำการแบ่งบทความนี้ออกเป็นหลาย ๆ บทความ ที่คุณสามารถนำมารวมเป็นหนึ่งบทความที่สมบูรณ์ได้ในที่สุด

แต่ถ้าคุณอยากจะเปิดโอกาสให้กับตัวคุณ นี่คือโอกาสสุดพิเศษของคุณ เพราะผมอยากจะแบ่งปัน ความรู้และประสบการณ์ของผมให้กับคุณ ถ้าคุณอยากจะเข้าสัมมนาเพื่อพิชิตความกลัวของคุณ และลงมือทำแบบ whatever it takes เพือให้ได้เป้าหมายของคุณ คุณสามารถคลิ๊กที่ลิ้งค์นี้ เพื่อแจ้งความประสงค์เข้าสัมมนา และรอการติดต่อกลับจากผม