ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ปฏิบัติการปลุกยักษ์ในตัวคุณให้ตื่น

ช่วงหลังๆ มานี้ผู้เขียนได้ยินคำว่า “ปลุกยักษ์” บ่อยมากทั้งจากเพื่อนพองหรือคนรู้จักที่ได้พูดถามถึงกันอยู่หลายครั้ง ทีแรกก็ตีความจากคำแล้ว ก็น่าจะเป็นเรื่องการกระตุ้น การปลุกระดม ปลุกความรู้สึกกระเหี้ยน กระหือรือ ประมาณนี้ ตามความเข้าใจที่ยังไม่ได้หาข้อมูลเพิ่มให้รู้ และเข้าใจยิ่งขึ้น ถึงรากความหมาย จนเมื่อได้อ่านหนังสือ “เมื่อยักษ์ตื่น” เป็นหนังสือแนว จิตวิทยาบริหาร และ สร้างแรงบันดาลใจ โดยผู้แต่ง คุณสิริลักษณ์ ตันศิริ



เนื้อหาเป็นเรื่องการเล่าเรื่องราว วิธีการ ประสบการณ์ของโค้ชสิริลักษณ์ ตันศิริ ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบคนละขั้ว . . จากอดีต นักบัญชี ผู้เฉิ่ม เชย โลกแคบ พูดน้อย จนได้ฉายาว่าเป็น "ซูเปอร์ซิ้ม"

จนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างสุดขั้ว จนกลายมาเป็น “ซูเปอร์วูแมน” เป็นโค้ชด้านการพัฒนาศักยภาพและความสามารถจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางใน ฐานะนักพูดสร้างแรงบันดาลใจหญิงคนแรกของเมืองไทย ผู้สามารถปลุกพลังให้คนนับแสนเปลี่ยนแปลงชีวิตมาแล้วทั่วประเทศ ชีวิตและประสบการณ์ที่ผ่านมาของเธอ จึงน่าจะเป็น “ต้นแบบ” ให้กับผู้ที่ต้องการ “เปลี่ยนแปลงชีวิต” และก้าวสู่ความสำเร็จได้ โดยมีขั้นต้นในฝึกพัฒนาตนเป็นลำดับ เป็นกระบวนการ เน้น ฝึก ฝึก ฝึก แล้วก็ฝึกเท่านั้นถึงจะประสบความสำเร็จได้ เป็นเทคนิคที่โค้ชบอก

ผู้เขียนอ่านแล้วก็คิดต่อมาว่ามนุษย์เรานั้นจะมีสักกี่คนจะเป็นผู้ที่สามารถค้นพบศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ในตนเอง ได้ค้นพบศักยภาพของตนเองออกมา แล้วทำศักยภาพที่หลบซ่อนนั้น ให้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างมากต่อตนเอง และสังคม

โค้ชสิริลักษณ์เล่าว่าเป็นคนที่รักการเรียนรู้มาก และชอบอ่านหนังสือมาก จึงได้แนวทางเรียนรู้เทคนิคสำคัญ คือ การ Modeling ซึ่งเป็นการแกะแบบคน “ต้นแบบ” ในดวงใจที่ประสบความสำเร็จ ทั้งระบบความคิด รูปแบบการใช้ชีวิต รูปแบบการพัฒนาตัวเอง และรูปแบบความเชื่อ ซึ่งถ้าเราสามารถแกะรูปแบบ ต้นแบบเหล่านี้ แล้วนำมาใช้กับตัวเองได้ เราก็จะสามารถสร้างผลลัพธ์ได้ในแบบเดียวกันกับเขา โค้ช จึงได้นำชีวิตตัวเองที่เปลี่ยนแปลงมาแล้ว มาแกะรูปแบบระบบความคิด ให้เห็นว่าชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความสำเร็จนั้น จะต้องเกิดขึ้นทีละขั้น จากการตัดสินใจ จากการก้าวข้ามความกลัว และจากการลงมือทำในทุกๆวัน ซึ่งถ้าใครได้นำไปใช้ ก็จะได้ผลลัพธ์ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ดี

โค้ชสิริลักษณ์ เน้นการเรียนรู้กับปรมาจารย์ระดับ World Class หลายท่าน เช่น Anthony Robbins, T.Harv Eker, Brian Tracy, Robert Kiyosaki ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมาก และที่สำคัญคือได้นำเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปลงมือปฏิบัติ ทำให้ชีวิตของโค้ชเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่ามหัศจรรย์ จากการมีต้นแบบมาเล่าสู่กันฟัง

ผู้เขียน อ่านแล้วรู้สึกชอบและประทับใจกับเทคนิคการเรียนรู้ จากการมีต้นแบบ จาก ประสบการณ์ตรงเช่นกัน สมัยตอนที่ผู้เขียนทำงานแรกๆ เป็นคนที่เงียบ ตั้งใจ ขยัน มีความรับผิดชอบนะ รวมทั้งตอนเรียนหนังสือทั้งปริญญาตรี และปริญญาโท ผู้เขียนก็ไม่ได้ฉายแววความสามารถโดดเด่นอะไรเลย เป็นคนขี้อาย ขี้กลัว ชีวิตธรรมดาๆ ไม่มีอะไรตื่นเต้น โลดโพ่น ซึ่งตรงกับโค้ชสิริลักษณ์ได้บอกว่า คนเรานั้นได้นำศักยภาพมาใช้เพียงแค่ 7% เท่านั้นเอง แล้วอีก 93 % หายไปไหนค่ะ

จนเมื่อห้าปีที่ผ่านมาผู้เขียนได้มาร่วมงานกับ ดร.อาภรณ์ ภู่วิทยพันธ์ ที่บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่ง ได้เป็นผู้ดึงศักยภาพในตัวผู้เขียนที่เหลือออกมามากมายเป็นผู้ชักนำให้ได้มี โอกาสเป็นวิทยากรภายใน ทีแรกก็ไม่คิดว่าจะบรรยายได้แต่เมื่อมีต้นแบบให้เห็นก็คิดว่าต้องทำได้ พา ไปศึกษาดูงานกับองค์กรชั้นนำหลายแห่ง ส่งให้เข้าอบรมเพิ่มเติมความรู้กับวิทยากรที่เก่งๆ มากมาย จนมีความรู้เพิ่มขึ้นจนมาถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นยังช่วยส่งเสริมเป็นผู้ช่วยดร.อาภรณ์ ในการแต่งหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากรโดยใช้ Competency ถึงสามเล่มที่ผ่านมา ให้ติดตามในการเป็นผู้ช่วยที่ปรึกษาตลอดมา จนเพื่อนเก่าทั้งสมัยทำงาน และเพื่อนสมัยเรียนยังบอกผู้เขียนว่า ปัจจุบันผู้เขียนเปลี่ยนแปลงศักยภาพไปในทางทีดีขึ้น เหมือนตนเองมีความโดดเด่นขึ้น มีความชัดเจน มีเป้าหมาย และค้นหาตัวเองพบ ผู้เขียนก็ต้องขอขอบคุณ ดร.อาภรณ์ ภู่วิทยพันธ์ มาณ.ที่นี้ ที่ได้ให้โอกาสและได้ดึงศักยภาพของผู้เขียน และได้เป็น “ต้นแบบ” ที่ดี ที่ทำให้ผู้เขียนค้นหาศักยภาพตัวเองพบ

แต่ ทั้งนี้ ทั้งนั้นความสำเร็จของเราจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร หากขาดความมุ่งมั่น ความตั้งใจจริง ที่จะทำแล้วก็ยากที่จะสำเร็จลงได้ เพราะฉะนั้นเวลาที่เราต้องการที่จะทำอะไรสักอย่างย่อมมีอุปสรรคเสมอ นั่นก็คือ “ใจ” ของเราจิตใต้สำนึก ความคิดที่เกิดจากความกลัว ความกังวลเป็นอุปสรรคสำคัญ

หากท่านผู้อ่านได้ฝึกฝนการเปลี่ยนแปลงตนเองจากที่เคยเป็น ฝ่าด่านความกลัว ความท้อแท้ ความหวาดระแวง ความอคติ หรือการมองชีวิตในแง่ลบ สร้างแรงกระตุ้น แรงจูงใจ แรงบันดาลใจให้กับตนเอง หากความรู้สึก อารมณ์ของเราเป็นอย่างไร การแสดงตน การปฏิบัติตนของเราก็จะออกมาจากจิตใต้สำนึกเท่านั้น ดังนั้นเปลี่ยนแปลงนิสัยจากเดิมๆที่เคย เพื่อเป็นคนใหม่ที่สดใสกว่าเดิมจากที่เคยเป็นสิ อย่างที่คุณเองก็ทำได้ไม่ยาก “เปลี่ยนมุมคิด ชีวิตเปลี่ยน” เห็นว่าคำนี้น่าเป็นจริง และทำได้ไม่ยาก หากแต่ต้องฝึก การฝึกฝนให้มากๆๆๆ อย่างที่โค้ชสิริลักษณ์ได้แนะนำไว้

หนังสือ “เมื่อยักษ์ตื่น” กล่าวว่า คนทุกคนมียักษ์อยู่ในตัว คุณรู้หรือไม่ค่ะว่า คุณมียักษ์อยู่ในตัว? วิธีการปลุกยักษ์ที่หลับไหลให้ตื่น ประกาศให้ยักษ์ที่ยิ่งใหญ่ในตัวคุณได้รับรู้ วิธีการเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบพลิกฝ่ามือกลายเป็นคนใหม่

โดยพูดกับตัวเองทุกๆเรื่อง และบ่อยๆว่า Yes Yes Yes เราทำได้

เราเก่ง เราฉลาดที่สุด มองตนเองและสิ่งรอบด้านให้มีความสุข

ฝึกปฏิบัติการปลุกยักษ์ของคุณโดยขอให้ลงมือทำในปัจจุบันทันทีเดี๋ยวนี้

เทคนิคอีกประการขอให้คุณลุกขึ้นยืน กำหมัดแน่นๆ แล้วตั้งใจประกาศกับตัวเอง

ดังๆ อย่างเข้มแข็ง จริงจังว่า “ฉันรับผิดชอบชีวิตของฉันเอง”

“นับจากนี้ไปของความมุ่งมั่น ของความอดทน ของความพากเพียรพยายาม ฉ้น

จะทำจนกว่าความฝันของฉันเป็นจริง ฉันมีพลัง ฉันเชื่อมั่น ฉันทำได้!!!

ให้ใส่สภาวะอารมณ์ความรู้สึกที่เข้มข้นเข้าไปด้วย และให้แสดงออกมาทางน้ำเสียง สีหน้า แววตา ท่าทางร่างกายของเรา อย่าพูดแบบไร้อารมณ์ เพราะสมองและจิตใต้สำนึกจะรับได้เร็ว ถ้าเราพูดโดยใส่อารมณ์ที่เข้มข้นลงไป นี่คือสุดยอด เทคนิคการ “ปลุกยักษ์” ที่ทรงพลังมากๆๆ กรุณาพูดให้พลังตัวเองบ่อยๆ ทุกๆ วันนะค่ะ

และการจิตนาการ การดึงสิ่งที่คุณปรารถนาทุกวันนะคะ นี้คือ สุดยอดเคล็ดลับวิชาและเทคนิคที่ทรงพลังมากๆๆ คุณกำลังจะ “ดึงดูด” ทุกอย่างที่คุณจินตนาการเข้ามาในชีวิตค่ะ เพราะ จินตนาบ่อยๆ ถึงสิ่งที่คุณใฝ่ฝัน

ผู้เขียนชอบคำว่านี้อีกแล้ว “จินตนาการ” ซึ่งได้มีกัณยาณมิตรได้มอบหนังสือ “โชคดี” ของพระอาจารย์ มิตซูโอะ คเวสโก เนื้อหาตอนนี้หนึ่งได้หยิบยก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ (Imagination is more important than knowledge” ในผู้ปฏิบัติธรรม จินตนาการ ไม่ใช่ การนึกคิด ปรุง แต่ง ฟุ้งซ่าน แต่จินตนาการเป็นเรื่อง การศรัทธาเชื่อมั่นในสิ่งที่ควรเชื่อ เมื่อเรามีศรัทธาเชื่อมั่นในสิ่งใดแล้วเราก็จะตั้งใจมุ่งมั่นและพยายามที่ บรรลุถึงเป้าหมาย

พระอาจารย์ มิตซูโอะ คเวสโก กล่าวว่า จินตนาการ คือ ความศรัทธา ความเชื่อมั่นว่าธรรมชาติของจิต ที่บริสุทธิ์ ผ่องใส ไม่มีอารมณ์ที่เกิดขึ้น คือ ขี้เกียจ ขี้โกรธ ขี้ฟุ้งซ่าน ขี้น้อยใจ ขี้อิจฉา เป็นต้น หากสิ่งเหล่านี้มาเยี่ยมเยือนเราขอให้คิดว่าเป็นแขกของเราเท่านั้น และจะไม่ทำให้จิตใจของเศร้าหมองมาเกาะติด ฝังแน่นในใจ ในอารมณ์ของเราให้ขุ่นมัว

ทำตนเองให้มีความภูมิใจกับตัวเราเอง ภูมิใจ กับการทำงานมากๆ และมีกำลังใจที่ดีมากยิ่งขึ้น มีสติปัญญาในการคิดมากขึ้น และรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ โชคดีที่บริษัทรับเราเข้าทำงาน โชคดีจังที่เรามีงานทำ โชคดีจังมีครอบครัวที่ดี โชคดีจังมีลูกที่ดี โชคดีจังมีเพื่อนที่ดี คิดเชิงบวกให้กับตัวเอง กับคนรอบข้างให้มากๆ จะช่วยให้มีสติ

วันนี้.. อย่าลืมพูดกับตัวเองในสิ่งที่ดีๆนะคะ..

ฉันเก่ง ฉันทำได้ ฉันน่ารัก ฉันสดใส ฉันร่าเริ่ง ฉันมีความสุข

หมอเส็ง Ban Muangnga(Luang Prabang)Lao PDR


หมอเส็ง Ban Muangnga(Luang Prabang)Lao PDR

โทร. 856 020 55670662, 020 55673890


ใน ปัจจุบันนี้ การเจ็บไข้ได้ป่วยของคนเราล้วนเป็นผลมาจากการดำเนินชีวิตประจำวันของเราทั้ง สิ้น ส่วนมากเรามักจะไม่ค่อยสนใจต่อสุขภาพของตนเอง มีการใช้ร่างกายอย่างฟุ่มเฟือย เมื่อเจ็บป่วย ก็จะปล่อยให้เป็นภาระหน้าที่ของแพทย์ในการรักษาโรค แม้ว่าวง การแพทย์ของเราได้มีการพัฒนาให้ก้าวหน้าไปอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันการพัฒนาการของโรคก็มีการพัฒนาตามไปด้วย มีโรคใหม่ที่เป็นอันตรายเกิดขึ้นมากมายเช่น โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ โรคเอดส์ โรคเกี่ยวกับการบริโภคเช่นโรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

โรค ต่างๆข้างต้น แสดงให้เห็นว่าเป็นผลจากสิ่งแวดล้อม มลพิษ คุณภาพอาหารและการบริโภค ภาวะความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ถ้าเราี่ต้องการมีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ เพื่อให้เรามีภูมิต้านทานต่อโรค ร่างกายก็จะไม่เจ็บไข้ได้ป่วยง่าย

การแพทย์ทางเลือกหรือ การแพทย์แบบผสมผสาน อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยและแตกต่างกันไปบ้าง แต่ประเด็นสำคัญใหญ่ๆก็คือ การเลือกสรรอาหาร พืชผัก สมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การออกกำลังกายเสริมสร้างสุขภาพ การพักผ่อน การฝึกควบคุมอารมณ์และจิตใจ เหล่านี้ล้วนเป็นวิถีเพื่อสุขภาพที่ประหยัดและเป็นธรรมชาติ ในการสร้างเสริมภูมิชีวิตให้แข็งแรง ช่วยตนเองให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ

การแพทย์ทางเลือก (Alternative Medicine) คือการรักษาพยาบาลอีกรูปแบบหนึ่ง แตกต่างไปจากการแพทย์แผนปัจจุบัน มีหลายทางให้เลือกรักษา เพื่อให้เหมาะกับตัวเราเอง เช่น การนวดกดจุด การฝังเข็ม การใช้สมุนไพร กินอาหารแบบชีวจิต ออกซิเจนบำบัด วารีบำบัด การฝึกลมปราณ ฯลฯ


หมอเส็ง คือการแพทย์ทางเลือก หมอเส็งคือนายแพทย์แผนโบราณจดทะเบียนที่ใช้สมุนไพรในการปรับสมดุลภายในร่างกาย หลักการคือช่วยให้ธาตุทั้งสี่ภายในร่างกายทำงานได้อย่างปกติและมีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่ออวัยวะต่างๆภายในร่างกายทำงานได้ตามปกติ ภูมิต้านทานโรคของเราก็ทำงานอย่างมีประสิทธิผล โรคร้ายต่างๆก็ไม่สามารถทำอันตรายต่อร่างกายเราได้ ใช้ร่างกายเราเยียวยาตัวมันเอง เสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ

ลองมองย้อนกลับไปดูตั้งแต่ตื่นเช้าจนหลับในแต่ละวัน ว่าเราเจอมลภาวะอะไรบ้าง ไม่ว่าอากาศที่เราหายใจ อาหารที่รับประทาน น้ำที่ดื่ม ปัญหาต่างๆโดยเฉพาะความเครียด ฯลฯ สิ่งต่างๆเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหาอนุมูลอิสระ (Free Radicals) สะสมอยู่ในร่างกายเป็นประจำทุกวันแบบไม่รู้ตัว วันนี้คุณอาจจะยังแข็งแรงอยู่ แต่เมื่อใดที่ภูมิต้านทานคุณอ่อนแอ เมื่อนั้นโรคต่างๆก็จะแสดงอาการออกมา

สาเหตุหลักที่เกิดโรคเหล่านี้ก็คือเจ้าอนุมูลอิสระนี่เองที่ไปทำให้เซลล์อ่อนแอ หรือเซลล์ขาดออกซิเจน มันจะทำลายตั้งแต่ระดับเซลล์ไปจนถึงระดับอวัยวะ วารสารการแพทย์ต่างๆทั่วโลก ได้ตีพิมพ์ถึงผลการค้นคว้าหาวิธีหลีกเลี่ยง และปราบปรามเจ้าอนุมูลอิสระเหล่านี้ ซึ่งทำได้ด้วยวิธีการกินอาหารที่มีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนซ์นั่นเอง

หมอเส็งได้นำสมุนไพรที่มีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนซ์หลากหลายชนิด มาผสมผสานเข้ากันอย่างได้สัดส่วนที่เหมาะสม เสริมฤทธิ์ยาของสมุนไพรแต่ละตัวซึ่งมีคุณสมบัติเด่นไม่เหมือนกัน ทำให้สมุนไพรของหมอเส็ง ช่วยบำบัด เยียวยา เสริมสร้าง ป้องกันร่างกาย เราให้มีภูมิต้านทานโรคได้ ผู้ป่วยหลายๆท่านที่รักษาทางแผนปัจจุบันไม่หาย เมื่อมาทานยาคุณหมอเส็ง อาการต่างๆที่เป็นก็ค่อยๆดีขึ้น คุณหมอเส็งได้สมญานามว่า "หมอเส็งเจ้าแห่งสมุนไพรไทย"

หมอเส็งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะแผนโบราณในสาขาเภสัชกรรมเมื่อ 25 สิงหาคม 2538 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะแผนโบราณในสาขาเวชกรรมเมื่อ 26 สิงหาคม 2539 ดังนั้น หมอเส็งจึงเป็นนายแพทย์แผนโบราณที่สามารถตรวจ วินิจฉัย รักษาโรคได้ จ่ายยาได้อย่างถูกหลักการแบบแพทย์แผนโบราณ หมอเส็งได้ช่วยผู้ป่วยจำนวนมากที่รักษาแบบแผนปัจจุบันแล้วไม่หาย ช่วยให้ผู้ป่วยที่ไม่มีทางเลือก หรือไม่ได้เลือกในวิธีการรักษา ให้สามารถมีทางเลือกในการแพทย์ทางเลือกที่ดีสำหรับตัวเองได้

ท่านที่สนใจการแพทย์ทางเลือก ต้องการให้คุณหมอเส็งตรวจสุขภาพ (แมะ) ฟรี!!!

คลิ๊กที่นี่



ผู้สูงอายุที่ร่างกายอ่อนแอ เหนื่อยง่าย ซึมเศร้า มึนงง เบื่ออาหาร หน้าตาซูบซีด

ขอแนะนำ ยาบำรุงร่างกายเบอร์ 2 ของหมอเส็ง ที่มีสมุนไพรถึง 38 ชนิด



ปัญหาที่พบบ่อยๆ ปัญหาที่รบกวนใจ

คุณมีทางเลือกไหม? หมอเส็ง มีคำตอบ

อยากมีลูก......... รอไข่ตกก็แล้ว คัดเชื้อก็แล้ว ทำกิฟท์ก็แล้ว ยังไม่เห็นมีเลย

ทำไงดี????

มีทางครับ....... มีทาง..... ทางเลือกใหม่ไงครับ ใช้การแพทย์ทางเลือกเพื่อเพิ่มเสปิร์มให้ฝ่ายชาย บำรุง รักษามดลูกฝ่ายหญิงให้สะอาดแข็งแรงเหมาะแก่การฝังตัวของไข่ วิธีการทั้งหมดนี้ใช้สมุนไพรในการปรับสภาพของร่างกาย ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง แน่นอน

ปวด หน่วงท้องน้อย ปวดหลัง คลอดลูกแล้วไม่ได้อยู่ไฟ ฯลฯ หาหมอแผนปัจจุบันก็ได้แต่ยาแก้อักเสบ ทานแล้วก็ไม่หาย ตกขาวก็มากขึ้นมีกลิ่นเหม็น

อยากจะบอกว่า สมุนไพรว่านชักมดลูกของหมอเส็งคือทางเลือก คุณ มีสิทธิ์เลือกด้วยตัวคุณเอง ปัญหาการปวดหน่วง สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากมดลูกต่ำ ยกของหนัก ยืนนานๆ เดินมากๆ ตัวว่านชักมดลูกหมอเส็งจะช่วงให้มดลูกเข้าอู่ ทำความสะอาดมดลูก ช่วยให้ระบบนิเวศภายในช่องคลอดอยู่ในภาวะสมดุล

ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรหมอเส็ง


ยาบำรุงร่างกายเบอร์ 2 ตราหมอเส็ง
เป็นยาบำรุงร่ายกาย
ส่วนประกอบ: ในน้ำยา 1000 ซีซี เตรียมจากส่วนประกอบสำคัญ

โสมเกาหลี 90 กรัม

แปะฮะ 90 กรัม

กฤษณา 70 กรัม


และตัวยาอื่นๆ

วิธีรับประทาน
รับประทานครั้งละ 30 – 50 ซีซี วันละ 2 – 3 ครั้ง หลังอาหาร

เด็กอายุ 8 – 12 ขวบ รับประทานครั้งละ 15 – 25 ซีซี

ราคาขาย 2,500 บาท

ราคาสมาชิก 2,150 บาท


ยาสตรีหลังการคลอดบุตร
ใช้แทนการอยู่ไฟ มดลูกเข้าอู่
ป็นยาใช้สำหรับการอยู่ไฟ
ช่วยขับน้ำคาวปลา
ช่วยให้มดลูกเข้าอู่

ในน้ำยา 4,200 มล. เตรียมจากส่วนประกอบ
ว่านชักมดลูก 160 กรัม
ฝาง 160 กรัม
ตังกุย 160 กรัม
ดอกคำฝอย 160 กรัม
อบเชยเทศ 80 กรัม
และตัวยาอื่นๆ

วิธีรับประทาน
รับประทานครั้งละ 30 มล. วันละ 2 ครั้ง
ก่อนอาหารเช้า – เย็น

ราคาขาย 3,700 บาท

ราคาสมาชิก 3,200 บาท

ยาน้ำกระชายดำสูตร 2 ตราหมอเส็ง

เป็นยาบำรุงร่างกาย
ยาน้ำกระชายดำสูตร 2 ตราหมอเส็ง
เป็นยาบำรุงร่างกาย

ราคาสมาชิก 1,750 บาท
ราคาขาย 2,000 บาท



ยาน้ำว่านชักมดลูกสูตร 1 ตราหมอเส็ง

แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ
ส่วนประกอบ : ในน้ำยา 2,255 ซีซี เตรียมจากส่วนประกอบสำคัญ
ว่านชักมดลูก 100 กรัม
เล็กตี่อึ้ง 100 กรัม
ฝาง 100 กรัม
โกฐเชียง 100 กรัม
และตัวยาอื่นๆ

วิธีรับประทาน
รับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ หรือ 30 ซีซี
วันละ 2 ครั้ง (ก่อนอาหาร) เช้า – เย็น

ราคาขาย 3,200 บาท

ราคาสมาชิก 2,700 บาท


ยาบรรเทาริดสีดวงทวารหนัก (แคปซูล)ตราหมอเส็ง




ใช้บรรเทาอาการริดสีดวงทวารหนัก

มีส่วนประกอบสำคัญคือ โกฐกักกรา, เพชรสังฆาต, โกฐน้ำตาและตัวยาอื่นๆ
บรรเทาริดสีดวงทวารหนัก

ราคาขาย 1,200 บาท

ราคาสมาชิก 970 บาท

ขมิ้นชันตราหมอเส็ง



บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง


ส่วนประกอบสำคัญ : ใน 1 แค็ปซูล

ผงขมิ้นชัน 30% (150 มิลลิกรัม)
ผงใบสะระแหน่ 10% (50 มิลลิกรัม)
ผงเมล็ดเก๋ากี้ 10% (50 มิลลิกรัม)
ผงดอกเก็กฮวย 10% (50 มิลลิกรัม)
ผงรากบัวหลวง 9% (45 มิลลิกรัม)
ผงใบพลูคาว 7% (35 มิลลิกรัม)
ผงรากตังกุย 4% (20 มิลลิกรัม)
และอื่นๆอีก

วิธีรับประทาน
รับประทานครั้งละ 2 – 4 แคปซูล
วันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น

ราคาขาย 2,000 บาท

ราคาสมาชิก 1,750 บาท

ยาบำรุงร่างกาย (แคปซูล) เผาผลาญไขมันตราหมอเส็ง


เป็นยาบำรุงร่างกาย
ป็นยาบำรุงร่างกาย ช่วยเผาผลาญไขมัน

ในยา 480 กรัมมีส่วนประกอบสำคัญคือ

โสมเกาหลี 90 กรัม

โกฐเชียง 90 กรัม

อึ้งคี้ 90 กรัม

และตัวยาอื่นๆ

ราคาขาย 2,200 บาท

ยาว่านชักมดลูกเบอร์ 2 (ชนิดแคปซูล) สมุนไพรหน้าขาวตราหมอเส็ง
แก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ

เป็นยาแก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ขับน้ำคาวปลา

ในยา 240 กรัมมีส่วนประกอบสำคัญคือ

ว่านชักมดลูก 70 กรัม

ฝาง 35 กรัม

โกฐเชียง 50 กรัม

เอี๊ยะบ่อเช่า 35 กรัม

และตัวยาอื่นๆ

รับประทานครั้งละ 2-3 แคปซูล

วันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น

หลังอาหาร

ราคาขาย 2,200 บาท

ราคาสมาชิก 1,950 บาท


ยาบำรุงร่างกาย234 ชนิดแคปซูล



เป็นยาบำรุงร่างกาย
สรรพคุณ : เป็นยาบำรุงร่างกาย
ส่วนประกอบ: ในยา 85 กรัม มีส่วนประกอบสำคัญ
โสมเกาหลี 16 กรัม
ตังกุย 12 กรัม
อังคี้ 17 กรัม
และตัวยาอื่นๆ

วิธีรับประทาน
รับประทานครั้งละ 2 – 4 แคปซูล วันละ 2 – 3 ครั้ง หลังอาหาร

ราคาขาย 2,600 บาท

ราคาสมาชิก 2,300 บาท

Call: 856 020 55670662

Mr Thongchanh Phonthachack

วิธีดื่มน้ำ จากคุณหมอ





ในพฤติกรรมที่ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือ เรื่องของการดื่มน้ำนี่แหละครับ
ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ

1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่
2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น
4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น
5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น

เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของตัวเองหรือยังครับ

ข้อหนึ่งนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีทั้งคุณและโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน

ข้อสอง คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่าคนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด
นอก จากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตร หรือ 1 ลิตร ต่อวัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว (แก้วละ 200 มล.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ
ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆว่าวันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

สูตรคือ
(น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ

เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้ ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ

ถ้าเรา ดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำก็จะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะเดียวกันสารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือนก็แหงละครับ น้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆครับ

ข้อสาม อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับ ร่างกาย กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะและลำไส้ ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้ แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็น เสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกันจนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว

ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ใครที่ชอบทานข้าวไปจิบน้ำไป ประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็นคืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูดเข้าเส้นเลือด เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ และอย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว
อย่างนี้ ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไรกักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ เหมือนทำยาก แต่จริงๆแล้วพอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับ ผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิด เช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำเพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ) หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อยแต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับ ได้ข้อดีอีกอย่างคือไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้าเลิกเบียร์กันไป แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไป แต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก๊สซิ พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ นอก จากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันทีอีกด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่น ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น มีสองเหตุผลครับ
หนึ่ง เพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึมสารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับ เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่างเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน สารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อยอาหารด้วย
เหตุผลที่สอง คือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี เกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน

มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ ทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม เครื่องกรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้ อายุการใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร อีกอย่างน้ำอัดลมเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณ มากผสมน้ำนำมาขาย แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่ง ชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย กาแฟก็ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคนเถียงข้างๆคูๆ "กาแฟหอมนะหมอ" หอมครับผมไม่เถียง แต่มันไม่ดีครับ เดี๋ยวไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยาดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะรุ่ง อีกอย่างขอแถมนิดนึง คนไทยชอบกินก๋วยเตี๋ยวเติมเครื่องเยอะๆ อร่อยลิ้นแต่ไตทำงานหนักนะครับ

ครบห้า ข้อแล้ว โอย เหนื่อย เอนทรี่นี้ยาวเป็นบ้า แต่ก็จำเป็นต้องเขียน เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน555 ว่าไปนั่น ที่เขียนมาให้อ่านนี้เพราะหวังดีจริงๆครับ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเพื่อจะได้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างที่ บอกครับ หมอไม่อยากรักษาคนไข้หรอกครับ และหมอที่ดีที่สุดคือตัวคนไข้เอง เพราะพวกผมไม่มีทางอยู่กับคุณได้ตลอด ความสำเร็จไม่ใช่ได้มาเพียงชั่วข้ามคืน แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน สุขภาพที่ดีไม่ใช่ว่าป่วยแล้วไปหาหมอ ได้ยามาทานแล้วหาย แต่เป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ขอให้พวกเราชนะโดยไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าครับ

ปล. If you trust me ก็นำไปปฏิบัติตามนะครับ อีกอย่างความรู้ควรแบ่งปันครับ คนไม่รู้เรื่องนี้ยังมีอีกมาก

ชาเขียว Green tea


ชาเขียว Green tea

เรื่องของชาเขียว
ชา มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ซึ่งใบชาแต่ละพันธุ์จะนำมาผลิตเป็นชาต่างๆ เช่น ชาเขียว ชาดำ ชาอูหลง โดยขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการผลิต หลังจากการเก็บเกี่ยวจะนำใบชาไปตากแดด จึงเกิดกระบวนการหมักตัวขึ้น ทำให้ใบชามีสีน้ำตาล เมื่อชงน้ำจะมีรสเข้มข้นและมีกลิ่นหอมฉุน โดยชาดำนั้นจะใช้เวลาในการหมักนานกว่าการหมักชาอูหลง


ส่วน ชาเขียวที่เรานิยมกันมากนั้น เมื่อเก็บเกี่ยวใบชาเสร็จก็จะนำยอดใบชาไปอบไอน้ำทันที โดยใช้อุณหภูมิสูงในการอบและจะใช้เวลาในการอบไม่นาน เพื่อทำให้ใบชาแห้ง มีสีเขียวและมีคุณภาพเทียบเท่ากับใบชาสด ทำให้ไม่สูญเสียสารที่เป็นองค์ประกอบสำคัญไปมากนัก


ในชา ทั้งหลายล้วนมีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้ เพราะในชามีสารที่มีคุณสมบัติในการต้านสารอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอี 20 เท่า ในชาเขียวยังมีสารที่สำคัญคือสารโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ


คน จีนใช้ชาเขียวเป็นยารักษาโรคมาไม่น้อยกว่า 4,000 ปีแล้ว เพราะมันมีคุณสมบัติช่วยชะลอภาวะแก่ก่อนวัย สามารถรักษาระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติ อีกทั้งยังสกัดกั้นการทำงานของเอ็นไซม์ที่เปลี่ยนแปลงความเครียดในหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดหลอดเลือดตีบ ลดปัจจัยเสี่ยงของการป่วยเป็นโรคหัวใจ ช่วยลดระดับไขมันอิ่มตัว ซึ่งจะยับยั้งไม่ให้เกิดลิ่มเลือดไปอุดตันที่เส้นเลือด รวมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดการก่อตัวของตะกอนไขมันที่ผนังเลือด


นอก จากคุณสมบัติที่ได้กล่าวไปข้างต้น ชาเขียวยังมีประโยชน์ในการล้างพิษออกจากร่างกาย อย่างไรก็ตาม การดื่มชาก็มีโทษเช่นกันเพราะในใบชามีกรดแทนนิก (Tannic Acid) ประกอบอยู่ ซึ่งจะพบในชาแดงมากกว่าชาเขียว ดังนั้น ควรเลือกรับประทานใบชาที่มีคุณภาพดีจะให้ประโยชน์กับร่างกายได้ดีกว่า เพราะยิ่งใบชาเกรดต่ำก็จะยิ่งมีกรดแทนนิกสูง ซึ่งจะไม่ดีต่อระบบทางเดินอาหาร และเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการรับประทานชาเขียว ควรเลือกดื่มชาเขียวที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ๆ และควรเลือกดื่มชาเขียวแบบร้อนแทนชาเขียวแบบแช่เย็นหรือใส่น้ำแข็ง และไม่ควรเติมนมและน้ำตาลลงในชาเขียวเพราะนอกจากจะลดคุณประโยชน์ของชาเขียว แล้ว ยังเพิ่มปริมาณไขมันและน้ำตาลที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายด้วย

ยิ่งอด ยิ่งอ้วน ยิ่งกิน ยิ่งซ่อนอันตราย




ยิ่งอด ยิ่งอ้วน ยิ่งกิน ยิ่งซ่อนอันตราย

ปัจจุบันอาหารธรรมชาติกำลังอินเทรนส์สุดๆ แต่วัยรุ่นไทยยังหลงกับกระแสอาหารแฟชั่น จำพวกฟาสต์ฟู้ด ขนมอบราคาแพง เค้ก น้ำอัดลมและเครื่องดื่มน้ำตาลสูง เมื่อวัยรุ่นน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจากการกินอาหารตามกระแส มักนิยมลดน้ำหนักด้วยวิธีผิดๆ เช่น การอดอาหาร กินยาลดน้ำหนัก ยาระบาย เป็นต้น

4 เหตุผล เกี่ยวกับประโยชน์ของการบริโภคอาหารธรรมชาติ

1 อาหารธรรมชาติ คือ อาหารที่ได้รับการปลูก การดูแล และเติบโตตามธรรมชาติไม่ผ่านกระบวนการ หรือผ่านกระบวนการน้อย ซึ่งตามหลักโภชนาการเป็นอาหารหลัก 5 หมู่ ได้แก่ ข้าว/ข้าวกล้อง แป้งที่ผ่านการขัดสีน้อย ธัญญาหาร เนื้อสัตว์ ผักผลไม้สด และไขมัน สามารถนำมาประกอบอาหารให้สุก สะอาด และสงวนคุณค่าทางโภชนาการได้ด้วยวิธีง่ายๆ ทั้ง ผัด นึ่ง ย่าง และต้ม กรณีวัยรุ่นซึ่งมีไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบจึงแนะนำเป็นอาหารที่ได้จากวัตถุดิบจากธรรมชาติทดแทน เช่น ขนมปังโฮลวีต เครื่องดื่มธัญญาหารที่มี 5 ชนิด น้ำเต้าหู้จากถั่วเหลือง อาหารหลักให้เน้น เช่น ข้าวกล้อง ผัก เนื้อไม่ติดมันและปลา แทนอาหารฟาสต์ฟู้ด

2 มีวิตามินและแร่ธาตุสูง อาหารธรรมชาติโดยเฉพาะธัญญาหาร เป็นแหล่งรวมวิตามินและแร่ธาตุนานาชนิด ทั้งวิตามินเอ บี1 บี2 และซี แคลเซียม เหล็ก โฟเลท ไอโอดีน โปรตีน และแคลเซียมมีประโยชน์ต่อการเผาผลาญพลังงาน มีอยู่ในถั่วเหลือง งาดำ มอลต์ ลูกเดือย จมูกข้าวสาลี ข้าวกล้อง ฯลฯ หากเร่งรีบอาจเลือกเครื่องดื่มผสมมอลต์ที่ได้จากข้าวบาร์เลย์ที่ไม่ผ่านการขัดสี

3 มีไฟเบอร์สูง คือ สารอาหารประเภทแป้ง ให้ประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอล ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดและช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ใยอาหารมี 2 ประเภท คือ

- ไฟเบอร์ที่ละลายในน้ำ พบได้ในผักและผลไม้ทุกชนิด ข้าวบาร์เล่ย์หรือมอลต์ เมล็ดถั่วต่างๆ
- ไฟเบอร์ที่ไม่ละลายในน้ำ จะมีมากในเปลือกนอกของผัก ลดความเสี่ยงของการเกิดโรค ต่างๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็งลำไส้ และระบบทางเดินอาหารผิดปกติ จึงต้องเลือกกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง

4 อาหารธรรมชาติเป็นแฟชั่นอินเทรนด์ อาทิ คุณประโยชน์วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น คุกกี้ผสมมอลต์ เครื่องดื่มธัญญาหารรวม 5 ชนิด น้ำเต้าหู้จากถั่วเหลือง 100% ธัญญาหารอัดแท่ง เป็นต้น ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าจะหันมานิยมบริโภคอาหารธรรมชาติ


ด้วยเหตุผลดีๆ เหล่านี้ วัยรุ่นไทยน่าจะหันมาสนใจอาหารธรรมชาติมากขึ้น จนกลายเป็นอาหารแฟชั่นแนวใหม่ที่ดีต่อสุขภาพ หากใครกลัวตกเทรนด์ในอนาคตก็เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกิน หันมากินอาหารธรรมชาติประเภทเครื่องดื่มธัญญาหารและออกกำลังกายกันเถอะ.......

ศิลปะการอาบน้ำ




ศิลปะของการอาบน้ำ...ร้อนหรือเย็นแบบไหนดีกว่ากัน
สำหรับ อากาศร้อนๆ อย่างบ้านเรา การอาบน้ำถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่เพิ่มความสะอาดสดชื่นและความมั่นใจว่าไร้ กลิ่นเหม็นเหงื่อ และเพื่อให้ถูกสุขอนามัยที่ดี เราควรอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง นอกจากวัตถุประสงค์ของการอาบน้ำเพื่อชำระล้างคราบไคลจากร่างกายแล้ว ปัจจุบันคนนิยมอาบน้ำเพื่อเป็นการผ่อนคลายและบำบัดความเครียด ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า และคลายความร้อน ความเหนื่อยล้า สำหรับการอาบน้ำนั้นจะใช้ฝักบัวหรือแช่อ่างอาบน้ำก็ไม่ต่างกัน แต่อยู่ที่อุณหภูมิของน้ำที่อาบซึ่งล้วนมีผลต่อร่างกาย


สำหรับการอาบน้ำโดยใช้น้ำร้อน อุณหภูมิจะอยู่ที่ 37 องศาเซลเซียสขึ้นไป อุณหภูมิระดับนี้จะทำให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น การอาบน้ำร้อนแบบนี้จึงเหมาะสำหรับการใช้กระตุ้นอาการขี้เกียจ แต่ไม่ควรอาบน้ำที่อุณหภูมินี้นานจนเกินไป เพราะหลอดเลือดขยายตัวจะทำให้ผิวแห้ง มีผื่นขึ้น ทำให้ผิวมีรอยเหี่ยวย่น ยิ่งไปกว่านั้น อาจทำให้เลือดคั่ง ระบบประสาทอ่อนล้า รู้สึกกระวนกระวาย ง่วงเหงา ซึมเซา ดังนั้นการอาบน้ำร้อนที่อุณหภูมินี้ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุ รวมทั้งผู้ที่มีระดับความดันผิดปกติ


สำหรับการอาบน้ำอุ่น อุณหภูมิจะอยู่ที่ 27-37 องศาเซลเซียส ณอุณหภูมิ ระดับนี้จะช่วยกระตุ้นประสาทอัตโนมัติ ทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจรู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกสบาย คลายความตึงเครียดและสามารถลดไข้ได้


สำหรับการอาบน้ำเย็น อุณหภูมิจะต่ำกว่า 27 องศาเซลเซียส โดย ความเย็นของน้ำที่ใช้อาบจะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อ ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ผิวเต่งตึง นอกจากนี้ น้ำเย็นยังช่วยกระชับรูขุมขน และระหว่างการอาบน้ำ หากใช้มือตบเบาๆ ไปทั่วร่างกาย จะช่วยกระตุ้นผิวและเพิ่มความผ่อนคลายให้แก่กล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี


เทคนิค การอาบน้ำนั้น ให้เริ่มไล่จากปลายเท้าไปถึงกลางลำตัว เพื่อเป็นการปรับอุณหภูมิให้แก่ร่างกาย แล้วจึงเริ่มอาบน้ำ หากอาบน้ำโดยใช้ฝักบัว ควรเปิดน้ำแรงๆ แล้วฉีดไปทั่วตัวเพื่อช่วยในการผ่อนคลาย ส่วนการอาบน้ำโดยการแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ ควรแช่น้ำประมาณ 10 นาที แล้วจึงค่อยลุกขึ้นมาขัดตัว อาบน้ำ สระผม แปรงฟัน จากนั้นค่อยลงไปแช่ในน้ำใหม่อีกครั้ง จะช่วยในการยืดเส้นยืดสายในร่างกาย ทำให้ผ่อนคลายสบายตัว และช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สามารถลดอาการมือเย็นเท้าเย็น ลดอาการบวมจากเส้นเลือดขอด สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด สามารถลดไขมันได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำที่ร้อนเกินไป และไม่ควรแช่น้ำนานจนเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวเปื่อยลอกได้


โดย ปกติทั่วไป เราจะอาบน้ำ 2 ครั้งต่อวัน นั่นก็คือตอนเช้าและเย็นเพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกของร่างกาย แต่ในบางกรณีสำหรับผู้ที่ออกกำลังกาย หรือผู้ที่เสียเหงื่อมากจากการทำงาน อาจต้องการอาบน้ำมากกว่า 2 ครั้งต่อวันเพื่อเพิ่มความสะอาดและสดชื่นให้แก่ร่างกาย อย่างไรก็ตาม หากออกกำลังกายหรือทำงานที่ต้องออกแรง ควรอาบน้ำหลังจากออกกำลังกายไปแล้วไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง และไม่ควรอาบน้ำหลังจากรับประทานอาหารเสร็จทันที เพราะอาจทำให้อาหารไม่ย่อยได้ วิธีการที่เหมาะสมคือควรอาบน้ำก่อน หรือหลังอาหารไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อผลดีต่อสุขภาพร่างกายและสร้างความสุขสดชื่นกับการอาบน้ำมากยิ่งขึ้น

เป็นสิวบอกอะไรได้มากกว่าที่คิด





สิวผุด ขึ้นมาแต่ละเม็ด แต่ละเม็ด ก็ทำให้หนุ่มสาวหน้าใสที่ห่วงสวยห่วงหล่อแทบคลั่ง วิ่งหาวิธี delete สิวออกไปจากใบหน้ากันให้วุ่นวาย แต่จะมีซักกี่คนที่จะรู้ว่าเป็นสิวไม่ใช่แค่บอกว่าสุขภาพผิวหน้าเราไม่ดี แต่ยังบอกถึงสุขภาพทั่วๆ ไปอีกด้วย เมื่อเร็วๆ นี้ สถาบัน Leonard Drake ได้คิดค้นวิธีการวิเคราะห์ผิวลึกลงไปอีก ด้วยการผสานความรู้ในการดูแลผิวหน้าแบบตะวันตกให้เข้ากับศาสตร์การอ่านใบ หน้าแบบจีน ซึ่งสามารถบอกได้ว่าสิวที่ขึ้นตามตำแหน่งต่างๆ ของใบหน้าหรือร่างกาย บอกความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับอวัยวะส่วนไหนบ้าง ว่าแล้วก็ไปหยิบกระจกมาส่องหน้าดูซิว่า อวัยวะส่วนใดผิดปกติกันบ้าง


โซนที่ 1
ตำแหน่งของสิว :หน้าผากด้านซ้าย
อวัยวะที่เกี่ยวข้อง :การย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ต่อมหมวกไต
สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ :มีความเครียดสูง ล้างหน้าไม่สะอาด เพราะทารองพื้นหรือแต่งคิ้วมากไป

โซนที่ 2
ตำแหน่งของสิว : หว่างคิ้ว
อวัยวะที่เกี่ยวข้อง : ตับ
สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ :อาจมีปัญหาในการย่อยแลคโทส (ดื่มนมไม่ได้)กินอาหารรสจัดหรือกินอาหารดึกเกินไป

โซนที่ 3
ตำแหน่งของสิว : หน้าผากด้านขวา
อวัยวะที่เกี่ยวข้อง :การย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ต่อมหมวกไต
สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ :มีความเครียดสูง ล้างหน้าไม่สะอาด เพราะทารองพื้นหรือแต่งคิ้วมากไป

โซนที่ 4,10
ตำแหน่งของสิว : ใบหูทั้ง 2 ข้าง
อวัยวะที่เกี่ยวข้อง :ไต
สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ :ล้างแชมพูหรือสบู่ออกไม่หมด ใช้โทรศัพท์มือถือมากเกินไป ดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์หรือกินเนื้อสัตว์มากเกินไป

โซนที่ 5,9
ตำแหน่งของสิว: แก้มทั้ง 2 ด้าน
อวัยวะที่เกี่ยวข้อง :
- แก้มส่วนบน ไซนัสและปอด
- แก้มส่วนล่าง เหงือก และฟัน
สาเหตุ ของอาการที่ผิดปกติ :สูบบุหรี่จัด หรือแพ้ควันบุหรี่ ภูมิแพ้ เป็นหวัดเรื้อรัง หรืออาจใช้บลัชออนและรองพื้นไม่เหมาะสม ถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้มอาจบ่งบอกถึงปัญหาเรื่องปอดหรือการหายใจ ถ้ามีสิวแบบเป็น ๆ หายๆ ที่แก้มด้านล่างอาจมีปัญหาเรื่องเหงือกและฟัน หรือโทรศัพท์มือถือไม่สะอาด

โซนที่ 6, 8
ตำแหน่งของสิว :รอบดวงตาทั้ง 2 ข้าง
อวัยวะที่เกี่ยวข้อง :ไต และปัญหาภูมิแพ้
สาเหตุ ของอาการที่ผิดปกติ : เครื่องสำอางที่ใช้อาจไม่เหมาะ หรือใส่แว่นตาที่เสียดสีมาก รอยคล้ำอาจเกิดจากการมีสารพิษตกค้างในร่างกายมาก หรือผักผ่อนน้อย เปลือกตาหากมีความระคายเคืองอาจมาจากการเป็นภูมิแพ้ หรือขาดสารอาหาร

โซนที่ 7
ตำแหน่งของสิว: จมูก และเหนือริมฝีปาก
อวัยวะที่เกี่ยวข้อง :หัวใจ และระบบสืบพันธุ์
สาเหตุ ของอาการที่ผิดปกติ :หาก มีผิวสีแดงเข้มที่จมูก อาจบ่งบอกถึงโรคความดันโลหิตสูง การอุดตันหรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ บอกถึงผลกระทบจากฮอร์โมน เช่นกำลังมีประจำเดือน วัยทอง การใช้ยาคุมกำเนิด

โซนที่ 11,13
ตำแหน่งของสิว :ใต้ริมฝีปากด้านซ้าย และขวา
อวัยวะที่เกี่ยวข้อง :รังไข่
สาเหตุ ของอาการที่ผิดปกติ: อาจทำความสะอาดได้ไม่พอ หรือมาจากความสมดุลทางฮอร์โมน หากมีปัญหาการอุดตันช่วงใบหู อาจแสดงว่าฟันกรามมีปัญหา หรือว่าเพิ่งผ่าตัดฟันมา หรืออาจเกิดจากการมีรอบเดือน

โซนที่ 12
ตำแหน่งของสิว :ปลายคาง
อวัยวะที่เกี่ยวข้อง :กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก
สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ :อาจกินอาหารรสจัดเกินไปจนลำไส้มีปัญหาในการดูดซึม

โซนที่ 14
ตำแหน่งของสิว ลำคอ และหน้าอก
สาเหตุของอาการที่ผิดปกติ :ความเครียด

วันนี้ถ้าส่องกระจกดูสิว ก็อย่าลืมสังเกตสุขภาพร่างกายไปพร้อม ๆ กันด้วยนะคะ


ข้อมูลจาก สถาบัน Leonard Drak
ที่มา : http://radio.mcot.net/fm99/views.php?text_id=11277

วิธีสยบ "อารมณ์โกรธ"และขจัด "ความเครียด"




“ความ โกรธ” เป็นเรื่องปกติและเป็นอารมณ์ที่มักเกิดขึ้นกับใครหลายคนได้บ่อย ๆ แต่หากอารมณ์โกรธนั้นสะสมในจิตใจนาน ๆ จะยิ่งก่อให้เกิดผลร้ายต่อสุขภาพร่างกายได้มากมาย เสมือนลูกไฟแห่งความโกรธที่ถูกสะสมขึ้นทุกทีๆ จนเผาไหม้ทั้งกายและใจให้ร้อนรุ่ม ซึ่งผลกระทบที่มีต่อร่างกายอาจก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้เช่น เกิดโรคหัวใจ เพราะอารมณ์โกรธจะกระตุ้นให้หัวใจคุณบีบตัวเร็วและแรงขึ้น เกิดโรคความดันโลหิตสูง ฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้ร่างกายไม่สามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการเกิด "โรคเครียด" และปัญหาสุขภาพจิตต่างๆ ตามมา


นาย แพทย์ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวว่า อารมณ์โกรธมักเกิดขึ้นเมื่อเรารู้สึกว่าต้องเป็นฝ่าย “ถูกกระทำ” เช่น ถูกตำหนิ ถูกนินทา ถูกใช้งานหนัก ถูกขับรถปาดหน้า ถูกโกง ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกทำให้อับอาย เป็นต้น ปกติคนเราเมื่อโกรธแล้วมักจะขาดสติ และทำอะไรแบบหุนหันพลันแล่น ซึ่งทำให้อาจจะต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง เช่น โกรธแล้วไปทำร้ายร่างกายหรือฆ่าผู้อื่นก็ต้องติดคุก หมดอนาคต โกรธแล้วทำหน้างอ พูดจาหยาบคาย ก็เป็นการก่อศัตรูทำให้เสียสัมพันธภาพต่อกันเป็นต้น ที่ร้ายกว่านั้นคือ โกรธแล้วความดันโลหิตจะสูงขึ้น หัวใจจะเต้นเร็วและแรงขึ้น ส่งผลเสียต่อสุขภาพ อาจถึงขั้นเส้นเลือดในสมองแตก ทำให้เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต หรือไม่ก็หัวใจวายได้ นอกจากนี้ กล้ามเนื้อจะหดเกร็งตัว หรือเกิดความเครียดสูง ส่งผลบริเวณใบหน้า ทำให้มีริ้วรอยเหี่ยวย่น โกรธบ่อย ๆ จะทำให้เกิดความเครียดสูงและแลดูแก่กว่าวัยอันควร !


อธิบดี กรมสุขภาพจิต ให้คำแนะนำว่าคนเราควรฝึกที่จะจัดการกับอารมณ์โกรธให้ได้ อย่าให้ความโกรธทำร้ายตัวเอง และทำร้ายผู้อื่น วิธีจัดการกับความโกรธอย่างง่าย ๆ คือ ให้ฝึกสังเกตอารมณ์ของตัวเอง และให้รู้ตัวทันทีว่าโกรธ เช่น บอกกับตัวเองว่า “ฉันโกรธแล้วนะ” เป็นต้น เพราะการรู้ตัวเองตั้งแต่เริ่มโกรธ จะช่วยให้เราหยุดยั้งพฤติกรรมรุนแรงที่จะตามมาหลังความโกรธได้ เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มโกรธแล้ว ให้หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ ตั้งสติอยู่กับลมหายใจแบบนี้สักพักหนึ่ง คงเคยได้ยินได้ฟังคำแนะนำกันมาบ้างแล้วว่า เวลาโกรธให้ นับ 1-10 จะช่วยลดความโกรธได้ ซึ่งก็เป็นความจริง แต่แทนที่จะนับเลขแบบเร็ว ๆ ก็ให้นับลมหายใจเข้าออกแทน หลังจากหายใจช้าๆ แล้ว ก็ควรทำอะไรให้ช้าลงด้วย เช่น ขับรถให้ช้าลง พูดให้ช้าลง พร้อมทั้งผ่อนคลายร่างกายส่วนต่าง ๆ เช่น ถ้ากำหมัด ก็คลายออก ถ้าทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ก็ผ่อนคลายใบหน้า ถ้ายืนตัวแข็ง ก็ให้นั่งลง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ในท่าที่สบาย ๆ เป็นต้น ถ้าออกจากสถานการณ์ที่ทำให้โกรธได้ ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันได้


ด้าน ของ “ความเครียด” ที่ตามมาหลังจากอารมณ์โกรธ เป็นปฏิกิริยาตอบสนองของบุคคลเมื่อต้องพบเจอกับ สิ่งที่ไม่พึงประสงค์ไม่พอใจหรือสิ่งที่คุกคาม กดดันกับชีวิตความเป็นอยู่ของเรา ก็จะส่งผลเสียต่อร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรมของคนเราได้ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่าคนที่มีความเครียดสูงนั้น มักจะมีอาการผิดปกติของร่างกาย ได้แก่

- ปวดหัว เป็นไมเกรน
- ปวดท้อง อ่อนเพลีย ท้องอืด ท้องผูก ท้องเสีย
- นอนไม่หลับ เป็นต้น
- มีความผิดปกติทางจิตใจ เช่น หงุดหงิดง่าย ก้าวร้าว ท้อแท้ ซึมเศร้า เป็นต้น
- มีความผิดปกติทางพฤติกรรม เช่น สูบบุหรี่จัด ดื่มสุรามากขึ้น จู้จี้ขี้บ่น เก็บตัว ชอบชวนทะเลาะ กัดเล็บ นอนกัดฟัน

สำหรับ วิธีการจัดการกับความเครียดมีหลายวิธีด้วยกัน เช่น หันมาให้ความสนใจกับการออกกำลังกาย เล่นกีฬา ดูหนัง ฟังเพลง ร้องเพลง เล่นดนตรี อ่านหนังสือ ท่องเที่ยว เล่นกับลูก เล่นกับสัตว์เลี้ยง ปลูกต้นไม้ ไปเสริมสวย นวดตัวนวดหน้า พบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ทำบุญทำทาน สวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ เป็นต้น ซึ่งแต่ละวิธีสามารถเลือกใช้เพื่อผ่อนคลายความเครียดทุกรูปแบบได้


เคล็ด ลับของการจัดการกับความเครียดก็คือ การทำกิจกรรมที่ตรงกันข้ามกับงานที่ทำอยู่ประจำ เช่น ถ้าทำงานนั่งโต๊ะทั้งวัน เลิกงานก็ควรคลายเครียดด้วยการเคลื่อนไหวร่างกาย ถ้าทำงานที่ต้องวิ่งวุ่นทั้งวัน ก็ควรคลายเครียดด้วยการพักผ่อนอยู่นิ่งๆ ความเครียดนั้นเกิดขึ้นได้ในทุก สถานการณ์ หรือทุกวัน วันละหลายๆ ครั้ง การผ่อนคลายความเครียดจึงต้องทำเป็นประจำทุกวัน วันละหลายๆ ครั้งด้วย จึงควรเตรียมวิธีการคลายเครียดเอาไว้ให้หลากหลาย เพื่อจะได้เลือกใช้ให้เหมาะกับเวลาและสถานที่ และเพื่อป้องกันความเบื่อหน่ายด้วย


อย่า ปล่อยให้ปัญหาที่ส่งผลให้เกิดความโกธรและความเครียดคุกคามอยู่ฝ่ายเดียว ควรจัดการกับความโกธรและความเครียดเสียแต่เนิ่น ๆ แล้วชีวิตเราจะมีความสุขมากขึ้นอย่างแน่นอน

กรมสุขภาพจิต

ทำนายบุคลิกจากเวลาเกิด


ผู้ที่เกิดเวลาตี 5 ถึง 7 โมงเช้า

ช่วงเวลา นี้เป็นเวลากระต่าย จะทำให้คุณเป็นคนรักสวยรักงาม ทำอะไรละเอียดอ่อน สะอาดสะอ้าน ชอบแต่งตัวให้ดูดีเสมอ บุคลิกของคุณจะค่อนข้างสุภาพดูอ่อนโยน พูดจาหวานและนอบน้อมถ่อมตัว มีมารยาทเป็นเลิศ ดูแล้วผู้ดี๊ผู้ดี สงบเงียบเรียบร้อยเป็นผู้ใหญ่ ด้านนิสัยใจคอแม้จะดูเงียบนุ่มปานนั้น ลึก ๆ มั่นใจและทะเยอทะยานไม่น้อย เป็นคนเข้มแข็งข้างใน รู้จักระมัดระวังรอบคอบ เป็นนักการทูต จิตวิทยาสูง มีความเข้าอกเข้าใจคนอื่นดี ใจกว้าง โกรธง่ายหายไว จิตใจดี ใจอ่อน ชอบทำบุญ ชอบช่วยเหลือ รสนิยมดี

ผู้ที่เกิดเวลา 7 โมงเช้าถึง 9 โมงเช้า

เวลานี้ เป็นเวลามังกร บุคลิกของคุณจะดูหยิ่งทะนงมาก ท่าทางสง่าผ่าเผย ดูหัวสูง ติดหรู ความทะเยอทะยานจะเห็นได้ชัด คุณดูน่าเกรงใจ เข้าถึงยาก มีความเป็นผู้นำสูง นิสัยของคุณจริง ๆ แล้วเป็นคนใจกว้างและเด็ดเดี่ยว รักศักดิ์ศรี โมโหร้าย บุ่มบ่าม มุทะลุ ทำอะไรต้องตรงไปตรงมา ไม่ชอบเรื่องเล่ห์เหลี่ยม ในด้านดีอยู่ที่เป็นหลักพึ่งพิงได้ รับผิดชอบสูงและขี้สงสาร เป็นคนที่มีประสิทธิภาพสูงทีเดียวนะ อนาคตของคุณค่อนข้างแจ่มแจ๋วด้วยความมุ่งมั่นบากบั่นของคุณนั่นแหล่ะ

ผู้ที่เกิดเวลา 9 โมงเช้าถึง 11 โมงเช้า

คนที่ เกิดสาย ๆ เวลานี้ซึ่งเป็นเวลางู โดยมากจะหน้าตาดี แต่งตัวดีเสมอ ด้วยของหรูหราราคาแพงหรือมียี่ห้อ ภาพพจน์ของคุณต้องมาก่อนเสมอบุคลิกของคุณดูเงียบขรึม เรียบร้อยสุภาพนุ่มนวล มายาทดี พูดจาหวานหูชื่นใจ นิสัยข้างในค่อนข้างฉลาด เก็บความรู้สึกและความต้องการได้นิ่งลึกมาก คุณรักการแข่งขันชิงดีชิงเด่น มีความทะเยอทะยานสูง ชอบทำตัวเด่น อยากมีชื่อเสียง เป็นนักวางแผนผู้ชาญฉลาดใจแข็งไม่หวั่นไหวอ่อนข้อให้ใครง่าย ๆ ถ้าจะล้วงความลับจากตัวคุณคงไม่ง่ายนักหรอก

ผู้ที่เกิดเวลา 11 โมงเช้าถึงบ่ายโมง

เวลาเกิด ช่วงนี้เป็นเวลาม้า ทำให้คุณมีบุคลิกของนักกีฬา แข็งแรงอดทน ร่าเริงคึกคัก ชอบสนุกสนาน เรื่องตลกโปกฮาล่ะชอบนัก ความที่รักอิสระเสรีกับการเป็นนักผจญภัย ถือเป็นจุดเด่นในตัวคุณ มีความเป็นตัวของตัวเอง ชอบแหกกฎ นิสัยของคุณเป็นคนใจกว้าง กระตือรือร้นมากแต่รอบคอบไม่เป็น ใจร้อน ชอบทำก่อนคิด กล้าลุยไปข้างหน้า จิตใจเข้มแข็ง มานะบากบั่น มีความจริงใจสูง รักเพื่อนและครอบครัว เวลามีทิฐิจะเป็นคนหัวแข็ง ดื้อรั้นสุด ๆ เวลาน่ารักจะมีชีวิตชีวาน่าตื่นเต้น เจอมรสุมก็ยังลุกขึ้นสู้ได้ ยิ้มได้ทั้งน้ำตาเลยนะคุณน่ะ

ผู้ที่เกิดเวลาบ่ายโมงถึงบ่าย 3 โมง

คุณที่ เกิดเวลานี้เป็นเวลาแพะ จะเป็นคนใจดีอ่อนโยนจนถึงขั้นขลาดเขิน บุคลิกท่าทางของคุณจะสุภาพอ่อนโยน นุ่มนวลมีมารยาท ดูสุขุมใจเย็น ไม่มีพิษไม่มีภัย ขี้อายแต่มีความคิดสร้างสรรค์ ช่างฝัน มีไอเดียมัน ๆ กับเรื่องตลกจี้เส้น ที่ทำให้หัวเราน้ำหูน้ำตาไหล บางเวลาดูเศร้าซึมเพราะชอบคิดมากเกินเหตุ จิตใจดีทำร้ายใครไม่เป็น ถ้าถูกรังแกจะสู้ยิบตา มีความมั่นใจซ่อนไว้ใต้ท่าทางอ่อนโลกติ่ม ๆ คุณเป็นคนซื่อตรงรักสงบ เกลียดความรุนแรง อะไร ๆ ก็ดีหมด ยกเว้นเรื่องดื้อรั้นของคุณ ครองแชมป์ตลอดกาลเลย

ผู้ที่เกิดเวลาบ่าย 3 โมงถึง 5 โมงเย็น

คุณที่ เกิดเวลาบ่าย ๆซึ่งเป็นเวลาของลิง จะมีอิทธิพลทำให้คุณค่อนข้างแอ็กทีฟไม่อยู่เฉย บุคลิกของคุณดูเปิดเผย ใจร้อนและซุ่มซ่ามนิสัยของคุณเหมือนเด็ก ๆ ชอบเล่นพิสดาร คุณเป็นคนฉลาดหัวไว มีไหวพริบกล้าพูดกล้าทำ ตรงไปตรงมา เป็นนักวางแผนและรู้จักเอาตัวรอด มีเล่ห์กลแต่ไม่ทำร้ายใครลับหลัง มีความสามารถรอบตัว ปรับตัวเข้ากับคนได้ทุกระดับ ทุ่มเทกับการงานมาก งานดีเชื่อมือได้ เสน่ห์ในตัวอยู่ที่ความขี้เล่นมีชีวิตชีวาเฮฮา แม้ท่าทางจะดูคล้ายกะล่อนเล็ก ๆ แต่ก็หนักแน่นจริงใจมากนะ

ผู้ที่เกิดเวลา 5 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม

ช่วงหัว ค่ำเป็นเวลาไก่ ส่งผลให้คุณเป็นคนเข้มแข็ง หยิ่งยโส หัวรุนแรง ขวางโลก และหัวโบราณ คุณเป็นคนที่ชอบ แต่งตัวใช้แต่ของดีมีราคา บุคลิกขี้อวดไม่ใช่เล่น ว่าฉันเนี่ยรสนิยมดีนะ ในส่วนลึกของจิตใจคุณเป็นนักอนุรักษ์นิยม เจ้าระเบียบ จู้จี้ ขี้บ่นเก่ง หงุดหงิดง่ายดาย ไม่ยอมเสียเงินแบบไร้ค่า ยกเว้นเรื่องภาพพจน์ล่ะก็โอ.เค. คุณมีหัวในการบริหารควบคุม มีความเด็ดขาดละเอียดถี่ถ้วน ต่อสู้กับอุปสรรคไม่มีถอย ยามอารมณ์ดีจะเป็นคนสนุก ชอบล้อเล่น ใจกว้าง มีน้ำใจนักกีฬา ไม่ชอบการใช้อำนาจ เกลียดคนอวดเบ่งที่สุด

ผู้ที่เกิดเวลา 1 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม

คุณที เกิดช่วงเวลานี้เป็นเวลาของหมา ทำให้คุณเป็นคนรักคุณธรรม ความถูกต้องซื้อสัตย์จริงใจมาก จนถึงขั้นยึดมั่น ถือมั่นทีเดียว ยืดหยุ่นไม่ค่อยเป็น คิดและทำอะไรก็ตามตรง ทื่อไปหมด ไม่กล้าแหกกฎระบบระเบียบจนเกินไป ชีวิตถึงไม่ค่อย มีอะไรแปลกใหม่ บางครั้งจึงดูน่าเบื่อและแสนเซ็ง มีความขยัน ฉลาด แต่พลิกแพลงไม่เป็น เอาตัวไม่ค่อยรอด คุณเกิดมาเป็นนักปกป้องคุ้มครองคนอื่นมองโลกแบบตรงไปตรงมา ไม่เพ้อฝัน ขาดอารมณ์โรมานซ์ แต่ก็เป็นคนตลกจี้เส้นเพราะมองโลกในแง่ดี เรื่องเสียสละเพื่อคนอื่น คุณเป็นเจ้าชาย-เจ้าหญิงในเรื่องนี้เลยล่ะ ซื่อไปนิดเซ็งไปหน่อยแต่จริงใจไม่มีใครเทียบได้เลย

ผู้ที่เกิดเวลา 3 ทุ่มถึง 5 ทุ่ม

คุณที่ เกิดเวลาหมู อันเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน ทำให้คุณขี้เกียจนิด ๆ เฉื่อยหน่อย ๆ คุณรักความเรียบง่ายไม่มากเรื่อง สุภาพอ่อนโยน ใจดี และอบอุ่น บุคลิกออกจะนุ่ม ๆ คุณมีจิตใจดี จริงใจ มีอารมณ์สุนทรีย์ รักดนตรี ศิลปะสวยงาม มีความโรมานซ์ในหัวใจ แม้จะพูดน้อย แต่เอาอกเอาใจเป็นเลิศ คุณชอบแต่งตัวแบบผู้ดี๊ผู้ดี รสนิยมดี ชอบทำอาหารและชอบกินด้วย รูปร่างจึงออกจะแข็งแรงและสมบูรณ์ คุณเป็นคนใจกว้างและชอบให้อภัย หากถูกทำร้ายจะกลายเป็นหมูป่า สู้ถวายชีวิต ความคิด และการกระทำจะเป็นแบบค่อยๆเป็นค่อย ๆ ไป รอบคอบใจเย็นจนกว่าจะมั่นใจนั่นแหล่ะถึงจะลุย ไม่ว่าคุณจะหญิงหรือชาย คุณจะเป็นแม่บ้านพ่อเรือน และรักครอบครัวมาก

ผู้ที่เกิดเวลา 5 ทุ่มถึงตี 1

เป็นเวลา ของหนู คุณที่เกิดเวลานี้จะมีบุคลิกกระตือรือร้น ร่าเริงปราดเปรียวสดใส แต่มีความระแวดระวัง ฉลาดหัวไวไหวพริบดี ตรงไปตรงมาไม่มีเล่ห์เหลี่ยม บุคลิกท่าทางดูขรึม พูดน้อย เฉยชาแต่มีมารยาท รักเพื่อน มีความสุขในหมู่เพื่อน ๆชอบช่วยเหลือและมีน้ำใจ จุดเด่นคือความขยัน และสะสมเก่งคุณมักมีเงินสำรองช่อนไว้ไม่มีใครรู้หรอก ชอบวางแผนการเงิน ประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย เป็นคนมีระเบียบ บากบั่นมุ่งมั่นสูง ปรับตัวเก่ง มีความรักแบบผู้ให้ รักบ้านรักครอบครัว แต่ก็รักอิสระ ไม่อยากถูกผูกมัด กว่าจะลงเอยกับใครสักคน คิดนาน คิดลึก จนผมหงอกเลยเชียวล่ะ

ผู้ที่เกิดเวลาตี 1 ถึงตี 3

เวลานี้ เป็นเวลาของวัว ทำให้คุณทำอะไรช้ากว่าชาวบ้าน บุคลิกท่าทางแข็งแรงบึกบึน และอึดเป็นบ้าเลย เป็นคนเฉื่อยแบบใจเย็น ๆ โกรธยากแต่โกรธทีเหมือนระเบิดลง ข้อดีอยู่ที่มีความบากบั่นมีระเบียบ ขยันอดทนหนักแน่น อยู่ในจำพวกสมบูรณ์แบบนิยม ทำอะไรตรงไปตรงมา ไม่รู้จักปรับตัว ไม่มีเล่ห์เพทุบายกับใครเค้าหรอก คุณน่ะทื่อตรง จนไม่ค่อยทันใคร ขาดอารมณ์ขัน ตลกก็ตลกแบบฝืดๆ โดยปกติเป็นคนอดทนมาก ไม่ชอบความรุนแรง การทะเลาะวิวาท เลี่ยงได้จะเลี่ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้คุณจะเปลี่ยนร่างเป็นวัวกระทิงขวิดสุดฤทธิ์ทีเดียว

ผู้ที่เกิดเวลาตี 3 ถึงตี 5

คุณที่ เกิดเวลานี้จะเป็นคนดวงแข็ง เพราะนี่เป็นเวลาเสือ ส่งผลให้คุณหุนหันพลันแล่น ก้าวร้าวเข้มแข็งและดูมีอำนาจ คุณมีจิตใจที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยว มั่นใจในตัวเองสูง แต่ขาดความรอบคอบ เพราะอารมณ์อยู่เหนือหัวใจ แต่ก็เป็นคนใจดี ชอบเสียสละ ใจกว้างไม่จุกจิกกับเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ มีความรับผิดชอบ ชอบฉายเดี่ยวไม่อยู่ติดที่ คุณมักจะมองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน ขี้โม้โอ้อวด หลงใหลเรื่องรักใคร่โรแมนติก ชอบเผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปชั่ววูบ มีความเซ็กซี่เป็นเสน่ห์ส่วนตัวที่น่าดึงดูดใจ ข้อเสียมีแค่ไม่รู้จักยอมออมชอมบ้างขาวเป็นขาว ดำเป็นดำ จะหาสีเทาจากคุณน่ะยากเหลือเกิน

อย่ามองข้ามประโยชน์จากเปลือกผลไม้


สาวๆ คนไหนชินกับการกินผักผลไม้ต่อไปนี้ เช่น แตงกวา มันฝรั่ง แอปเปิ้ล และต้องปอกเปลือกให้เกลี้ยง เนื่องจากไม่ชอบเปลือกของเจ้าผลไม้ หรือเพราะความเข้าใจผิดว่าเปลือกของเจ้าผลไม้จะไม่สะอาดหรือไม่มีประโยชน์

แต่รู้ หรือไม่ว่าสาวๆ กำลังคิดผิดนะค่ะ !!!! เพราะเปลือกผลไม้เหล่านั้นมีประโยชน์อย่างมากเลยค่ะ ไม่เชื่อลองมาดูกันสิว่าเปลือกผลไม้มีประโยชน์อย่างไรกันบ้าง

เปลือกแอปเปิ้ล เชื่อ ว่ามีผลในการต่อต้านมะเร็ง ตามที่นักวิจัยพบว่าเปลือกของแอปเปิ้ลแดงผลหนึ่ง มีสารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่าวิตามินซี 820 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่ได้จากน้ำส้มคั้นถึง 2 ควอตช์เลยทีเดียว ประโยชน์ของเปลือกแอปเปิ้ลนี่เยอะจริงๆนะค่ะ แต่เชื่อไหมค่ะว่ามีสาวๆ ไม่น้อยที่ชอบปอกเปลือกออกก่อนจะทานแอปเปิ้ล ต่อไปนี้ห้ามปอกเปลือกก่อนทานนะค่ะ สาวๆ จะได้รับประโยชน์จากแอปเปิ้ลมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ

เปลือกมันฝรั่ง อุดมไปด้วยใยอาหาร (fiber) ธาตุเหล็ก โปรแตสเซียม และวิตามินบี มากกว่าที่ได้จากเนื้อมันเสียอีก เมื่อเทียบปริมาณเท่า ๆ กันแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยนะค่ะว่าเปลือกของมันฝรั่งจะมีประโยชน์ขนาดนี้ แล้วคนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยทานมันฝรั่งพร้อมเปลือกซะด้วย แต่ต่อไปนี้คุณสาวๆ น่าจะลองหันมาทานมันฝรั่งพร้อมเปลือกกันดูบ้างนะค่ะ


ผิวส้ม มะนาว หรือมะกรูด มีสาร ดี-ไลโมนีน (น้ำมันหอมระเหยชนิดหนึ่ง) เทอปีน เฮสเพอริดีน (ยาป้องกันการตกเลือดโดยลดความเปราะของเส้นเลือด) คูมาริน (สารต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย) และแคโรทีนอยด์ (สารสีเหลืองช่วยต้านอนุมูลอิสระ) ซึ่งดีต่อสุขภาพ อันนี้ประโยชน์เหลือล้นเลยค่ะสาวๆ โดยเฉพาะสารสีเหลืองต้านอนุมูลอิสระเนี่ย สามารถต้านโรคมะเร็งได้นะค่ะ และสาวๆ อย่างเราๆ ก็มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก ดังนั้นแคโรทีนอยด์จึงเป็นประโยชน์มากสำหรับกับสาวๆ อย่างเรา


รู้ อย่างนี้แล้ว ก็ลองหันมาทานผักผลไม้พร้อมทั้งเปลือกดู แต่ก่อนทานก็อย่าลืมล้างให้สะอาดก่อนนะค่ะ เพราะถ้าล้างไม่สะอาดอาจจะเกิดโทษแทนที่จะเกิดประโยนช์นะค่ะ ด้วยความห่วงใยจากเราค่ะ....

ข้อมูลจาก S.WOMEN

อนุมูลอิสระคืออะไร


เชื่อว่า หลายท่านคงจะเคยได้ยินคำโฆษณาของหลายผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ แต่ทีนี้อนุมูลอิสระเป็นอย่างไร แล้วมีผลต่อร่างกายของเราอย่างไรนั้นสามารถพบคำตอบได้ดังนี้


อนุมูลอิสระ คือโมเลกุลของออกซิเจน ซึ่งมีประจุที่มีความไวในการเข้าไปทำปฏิกิริยากับอะไรก็ตามที่อยู่ใกล้ เช่น โปรตีน โครโมโซม กรดอะมิโน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เป็นต้น ซึ่งปฏิกิริยาดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการทำงานผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย ก่อให้เกิดโรคและพยาธิสภาพต่างๆ


อนุมูลอิสระเกิดได้ทั้งจากภายในและภายนอกร่างกาย ดังนี้

1. อนุมูลอิสระที่เกิดภายในร่างกาย เกิดจากความผิดปกติในกระบวนการเมตาบอลิซึม ซึ่งกระบวนการเมตาบอลิซึม (Metabolism) คือการเปลี่ยนแปลงซึ่งเกิดขึ้นภายในร่างกายที่ทำหน้าที่เปลี่ยนอาหารให้กลาย เป็นพลังงานและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้กับร่างกาย ซึ่งหากมีความผิดปกติย่อมส่งผลเสียให้กับร่างกาย รวมทั้งภาวะผิดปกติต่างๆที่เกิดขึ้น เช่น ภาวะของโรค การรับประทานอาหารบางชนิดที่ก่อให้เกิดพิษในร่างกาย เป็นต้น

2. อนุมูลอิสระที่เกิดภายนอกร่างกาย เกิดจากการติดเชื้อทั้งจากแบคทีเรียและไวรัส การอักเสบชนิดไม่ทราบสาเหตุ เช่น ข้ออักเสบ รูมาตอยด์ โรคเก๊าต์ เป็นต้น อาจเกิดจากการรับสารกัมมันตรังสีต่างๆ สิ่งแวดล้อมที่เป็นมลพิษ เช่นควันเสีย เขม่ารถยนต์ ควันบุหรี่ ยาฆ่าแมลง รวมทั้งอาหารพวกปิ้ง ย่าง เผา อาหารที่ไหม้เกรียม


โดย ธรรมชาติของร่างกายคนเราย่อมมีการเสื่อมสลายของเซลล์และมีการสร้างเซลล์ใหม่ มาทดแทนโดยอัตโนมัติ แต่พออายุมากขึ้น กระบวนการเสื่อมสลายยังคงทำงานเหมือนเดิม ในขณะที่กระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนกลับทำงานได้ไม่ทัน ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายก็เสื่อมสภาพ เป็นเหตุให้ผู้สูงอายุล้มป่วยได้บ่อย และแทนที่ระบบภูมิคุ้มกันที่มีอยู่จะช่วยต่อสู้ศัตรูของร่างกาย กลับแปรมาทำร้ายร่างกายของคนคนนั้นเอง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของเซลล์ รวมทั้งทำให้เกิดความผิดปกติภายในร่างกายไม่ใช่อะไรที่ไหนนอกจากอนุมูลอิสระ นี่เอง

อนุมูล อิสระเป็นตัวการสำคัญในการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเรา เนื่องจากอนุมูลอิสระจะเป็นตัวทำลายเซลล์ ซึ่งจะทำลายเซลล์ได้เร็วและมากขึ้นเมื่ออายุของเรามากขึ้น ทำให้กระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอทำงานไม่ทัน ความบกพร่องในการทำงานของเซลล์ก็จะเกิดขึ้น และเมื่อเซลล์การทำงานบกพร่องมากขึ้น อวัยวะในร่างกายของเราก็ทำงานบกพร่องและเกิดความผิดปกติในร่างกายได้ อนุมูลอิสระถือว่าเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดความชราและความเสื่อมสภาพของร่าง กาย นอกจากนี้อนุมูลอิสระยังสร้างปัญหาให้กับร่างกายได้มากมาย ทั้งทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัว ทำลายเซลล์พันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ (DNA) ของเราด้วย หรืออาจทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์ ทำให้เซลล์ดังกล่าวกลายเป็นเนื้อร้าย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคร้ายต่างๆ ตามมา เช่นโรคมะเร็งต่างๆ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวาน โรคต้อกระจก เป็นต้น


ส่วน สิ่งที่สามารถช่วยต้านอนุมูลอิสระให้กับร่างกายเรานั้นหาได้ไม่ยาก นั่นก็คือสารเคมีที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีอยู่ในพืชผักผลไม้ที่เรารับประทาน โดยส่วนใหญ่ผักผลไม้ที่เรารับประทานในชีวิตประจำวันจะมีสีสันแตกต่างกันออก ไป แต่สีสันจากธรรมชาตินี้ให้คุณค่ากับร่างกาย โดยการนำสารต้านอนุมูลอิสระเข้าสู่ร่างกายเพื่อไปต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่ อยู่ภายในร่างกายของเรา และยังช่วยป้องกันอนุมูลอิสระไม่ให้มาทำลายเซลล์ต่างๆในร่างกาย ทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง ชะลอความชราและปลอดภัยจากโรคร้ายได้

โรคที่มากับน้ำท่วม


เนื่อง จากในขณะนี้หลายๆ จังหวัดได้ประสบอุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก ทำให้เกิดน้ำท่วมเสียหายหลายพื้นที่ ราษฎรได้รับความเดือดร้อนและความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินมากมาย ในหลายพื้นที่ยังคงต้องเฝ้าระวังเรื่องของระดับน้ำที่อาจขึ้นสูงได้ตลอดเวลา และอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ประชาชนควรจะระมัดระวังก็คือโรคภัยต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงภาวะน้ำท่วม


โรคและภัยที่อาจเกิดขึ้นในภาวะน้ำท่วม และวิธีป้องกัน

1.โรคติดต่อทางเดินอาหาร ได้แก่โรคอุจจาระร่วง บิด ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษและตับอักเสบจากไวรัสA กลุ่มโรคเหล่านี้ติดต่อโดยการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนเข้าไป การป้องกัน น้ำท่วมเป็นน้ำที่อาจมีเชื้อโรคปนอยู่ จึงควรระวังอย่าให้เข้าปากและไม่ควรนำมาล้างภาชนะถ้วยชามหรือผักผลไม้ ควรดื่มน้ำต้ม น้ำฝน หรือน้ำที่ใส่คลอรีนแล้ว รับประทานอาหารสุกใหม่ ๆ ไม่มีแมลงวันตอม ถ่ายอุจจาระในส้วมหรือในหลุมแล้วกลบ ไม่ถ่ายลงในน้ำ ขยะหรือของเสียที่เปียกแฉะควรใส่ถุงพลาสติกผูกให้แน่นแล้วทิ้งในถังรองรับ ล้างมือให้สะอาดหลังการถ่ายอุจจาระและก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง หากมีอาการอุจจาระร่วงควรดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ (ORS) จนอาการเป็นปกติ ถ้าอาการไม่ดีขึ้น มีไข้ หรือถ่ายเป็นมูกเลือด ควรปรึกษาแพทย์

2. โรคผิวหนัง ที่สำคัญคือโรคน้ำกัดเท้าหรือเท้าเปื่อย ลักษณะในระยะแรกผิวหนังจะอักเสบจากความเปียกชื้น และการระคายเคืองจากความสกปรก ต่อมาเมื่อผิวลอกเปื่อยนานๆ มักจะมีสาเหตุมาจากเชื้อรา เชื้อนี้เจริญงอกงามได้ดีบริเวณซอกผิวหนังที่อับชื้น อาการจะเริ่มด้วยตุ่มใสบริเวณง่ามเท้า มีอาการคันมากจนแตกเป็นแผล ซึ่งจะทำให้มีอาการอักเสบจากการติดเชื้อแทรกซ้อน การป้องกัน หลัง จากย่ำน้ำแล้วควรล้างเท้าให้สะอาด เช็ดให้แห้งโดยเฉพาะตามง่ามเท้า อาจโรยด้วยแป้งฝุ่น ถ้าเป็นไปได้ควรสวมรองเท้ายางหุ้มข้อเมื่อจะย่ำน้ำ หากมีอาการเท้าเปื่อยควรทาด้วยขี้ผึ้งรักษาน้ำกัดเท้า หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์

3. ภัยจากสัตว์มีพิษกัดต่อย งู และสัตว์มีพิษต่างๆเช่นแมลงป่อง ตะขาบ อาจหนีน้ำขึ้นมาบนบ้านโดยเฉพาะบริเวณที่มืด การป้องกัน หาก ย้ายสิ่งของหรือเดินในที่มืด หรือเวลากลางคืน ต้องมีแสงสว่างพอและระวังเป็นพิเศษ ถ้าถูกสัตว์เหล่านี้กัดหรือต่อยควรรัด เหนือบริเวณแผลด้วยผ้าหรือสายยางให้แน่นแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที ควรคลายผ้าหรือสายยางที่รัดออกเป็นระยะๆ ทุก 10 นาที เพื่อให้เลือดไหลเวียนบ้าง

4. ภัยจากอุบัติเหตุ ที่พบบ่อยคือ ถูกวัตถุหรือของมีคมตำหรือบาด เช่นหนาม ตะปู เศษแก้วหรือกระเบื้อง ทำให้มีบาดแผลและอาจติดเชื้อแทรกซ้อนได้และอีกสาเหตุที่พบได้บ่อยตอนน้ำท่วม ก็คืออุบัติเหตุจากการถูกไฟฟ้าดูด เมื่อร่างกายเปียกน้ำหรืออยู่ในที่ชื้นแฉะกระแสไฟฟ้าสามารถไหลผ่านร่างกาย ได้ หากน้ำท่วมถึงสวิตซ์หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า จะทำให้ได้รับอันตรายถูกไฟฟ้าดูดถึงเสียชีวิตได้ การป้องกัน ขณะ เดินในน้ำต้องระวังตัวอยู่เสมอ ถ้าเป็นไปได้ควรสวมรองเท้ายางหุ้มข้อ หากมีบาดแผลควรล้างแผลด้วยน้ำสะอาดเพื่อสิ่งสกปรกหรือวัตถุแปลกปลอมภายในบาด แผลออกให้มากที่สุด แล้วใส่แผลด้วยยาฆ่าเชื้อ กรณีไฟฟ้าดูด ให้ทำการตัดกระแสไฟฟ้าที่แผงสวิตซ์รวมก่อนและดำเนินการย้ายสวิตซ์ ปลั๊ก และอุปกรณ์ไฟฟ้าให้พ้นจากระดับน้ำ ห้ามต่อสายไฟและจับต้องปลั๊กไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่อยู่ในน้ำหรือขณะที่ตัวเปียก

5. เลปโตสไปโรซิส หรือ ที่เรารู้จักกันในชื่อโรคฉี่หนู เป็นโรคชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดความผิดปกติในการทำงานของตับและไต ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดกล้ามเนื้อที่น่องมาก ตาแดง ต่อมามีอาการตัวเหลือง และอาจบวมบริเวณหลังเท้าและหนังตา ติดต่อโดยเชื้อโรคที่ผ่านมากับปัสสาวะหนูที่อยู่ในน้ำแล้วไชเข้าสู่ผิวหนัง การป้องกัน เมื่อจะต้องย่ำน้ำควรสวมรองเท้ายางหุ้มข้อ กำจัดหนูที่เป็นพาหะนำโรค ถ้ามีอาการของโรคนี้ควรรีบไปพบแพทย์

6. โรคติดต่อทางเดินหายใจ ได้แก่ไข้หวัด ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ ติดต่อโดยการหายใจเอาเชื้อที่อยู่ในละอองน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วยเข้าไป หรือใช้สิ่งของภาชนะร่วมกับผู้ป่วย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนเพลีย ตรากตรำและอยู่รวมกันอย่างแออัด จะมีโอกาสติดเชื้อและป่วยเป็นโรคนี้ได้ง่าย ผู้ป่วยมักจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย อาจมีอาการไอร่วมด้วย การป้องกันควรรักษาร่างกายให้แข็งแรงและอบอุ่นอยู่เสมอ ไม่สวมเสื้อผ้าและรองเท้าที่เปียกชื้นนานเกินไป

7. โรคตาแดง เกิดจากน้ำที่มีเชื้อโรคปะปนอยู่เข้าตา ทำให้เยื่อบุตาอักเสบ มีอาการตาแดง ปวดแสบตา น้ำตาไหลมาก การป้องกัน เมื่อ น้ำสกปรกเข้าตา ควรรีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดเนื่องจากเชื้อโรคจะอยู่ในน้ำตา ขี้ตาและน้ำมูกของผู้ป่วย จะต้องหลีกเลี่ยง การใช้ของใช้ที่อาจปนเปื้อนเชื้อร่วมกับผู้ป่วย เช่นผ้าเช็ดหน้า ปลอกหมอน ผู้ป่วยควรรีบปรึกษาแพทย์

วัดม่วงพระพุทธรูปใหญ่ที่สุดในโลก





วัดม่วง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง

พระพุทธรูปใหญ่ที่สุดในโลก
หลังจาก พระพุทธรูปที่ตาลีบัน ถูกทำลายลงไป ความโด่งดัง ความยิ่งใหญ่ ในงานศิลปะพระพุทธรูป ก็ดูจะถูกบันทอน เราไม่เคยได้ยินงานบุญใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธรูปขนาดใหญ่สักเท่าไร แต่ไม่น่าเชื่อว่า 25 ปีที่แล้ว หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ อดีตเจ้าอาวาสวัดม่วง ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ได้คิดและตั้งมั่นที่จะสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่หน้าตัก 1 ไร่ 9 ตารางวา ใครจะไปเชื่อ!!! พร้อมๆ กับการก่อสร้างวัด ก็คือ การสร้างพระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ หลังจากสร้างตั้งแต่ปี 2526 จนถึงปี 2544 ใช้เงินไป 50 ล้านบาท แต่ก็ยังทำได้แค่ครึ่งองค์ เนื่องจากหลวงพ่อเกษม ได้มรณะภาพไป งานก็มาสะดุดลง ทิ้งโครงสร้างเอาไว้

แม้นเวลา จะเดินทางรวดเร็ว จนหลวงพ่อมรณะภาพไปแล้วก็ตาม แต่บุญครั้งนี้ได้ถูกสานต่อและสร้างจนแล้วเสร็จ งดงามอย่างหาที่ติมิได้ วัดหัวตะพาน จากเคยเป็นวัดร้างไป ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย พอกรุงแตกก็ถูกทิ้งรกร้าง แต่ก็มีพระ คือหลวงพ่อเกษม เดินทางมาบูรณะ และสร้างงานศิลปะให้พระพุทธศาสนา เริ่มจากโบสถ์ที่มีดอกบัวโอบอุ้มใหญ่ที่สุดในโลก วิหารเงิน(ที่ประดับด้วยกระจกสะท้อนทั้งหลัง สวนนรกภูมิ ที่สอนเตือนจิตใจให้กับประชาชนที่เดินทางมาทำบุญไม่ให้ประมาทในการดำเนิน ชีวิต และงานชิ้นสำคัญที่เริ่มทำ พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ งานศิลปะปูนปั้นใหญ่ที่สุดในโลก ปางมารวิชัย โดยมีหน้าตักกว้างถึง 67 เมตร(เข่าซ้ายถึงเข่าขวา) และสูงถึง 92 เมตร สร้างนานถึง 25 ปีเต็ม เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาให้กับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์อุปถัมป์พุทธศาสนา

และต่อมา ทางกรมราชองค์รักษ์ โดยพล.อ ณพล บุญทับ ได้เป็นเจ้าภาพตั้งกองทุนเพื่อสานต่อความตั้งใจเดิมของหลวงพ่อเกษม ระดมเงินสร้างต่อ จนถึง 105 ล้านบาท เพื่อจะถวายเนื่องในวโรกาส 80 พรรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปลายปี การก่อสร้างได้สำเร็จลุล่วงถึง 90 เปอร์เซนต์ เหลือแต่ปูหินอ่อน ด้านฐาน และ เรือนรับเสด็จ


พระ พุทธมหานวมินทรฯ ถือเป็นสัญลักษณ์ในศาสนาพุทธที่ยิ่งใหญ่และสวยงามที่สุดในโลกก็ว่าได้ หากจะดูพระพักตร์ ต้องถอยออกจากฐานประมาณ 100 เมตร และถ้าจะเดินเวียนฐาน ต้องใช้เวลาเดินประมาณ 3 นาที ในตัวองค์พระมีบรรไดขึ้นไปชมทัศนียภาพรอบวัด สามารถขึ้นไปได้ประมาณช่วงท้องเท่านั้น งานก่อสร้างใช้คนงานที่รับช่วงนานขนาดลูกที่เกิดมายังช่วยมาสร้างพระต่อ

พระแม่กวนอิม




คุณว่าทุกวันนี้แปลกไหม...


คุณว่าทุกวันนี้แปลกไหม...

1.ทำไมคนรวยถึงต้องมาบอกวิธีทำให้รวย...?

2.ทำไมคนจนถึงทำตามคนจนด้วยกันแล้วมันจะรวยขึ้นมาได้ไง...?

3.ทำไมคนจนไม่ไปถามวิธีทำให้รวยจากคนที่รวย...?

และนี่คือหนึ่งทางเลือกจากหนังสือพ่อรวยสอนลูกพูดถึง

นี่คือทางที่ทำให้คุณมีอิสรภาพทางการเงิน