ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สิ่งแวดล้อมบวก


สิ่งแวดล้อมบวก

มี หนังสือหลายเล่ม ผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ คน แนะนำถึงการคิดบวก ถ้าคุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จ แต่ผมบอกคุณได้เลยว่าแค่คุณคิดบวกนั้น ยังไม่พอ ตราบใดก็ตามที่คุณยังอยู่ในสิ่งแวดล้อมลบ ๆ คุณย่อมไม่สามารถคิดบวกได้อย่างแน่นอน นอกเสียจากว่าคุณจะเป็นผู้ที่่ผ่านการฝึกมาก่อน คุณจึงจำเป็นต้องเอาตัวคุณเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมบวก ๆ ด้วยแล้วสิ่งแวดล้อมบวก ที่ผมพูดถึงนั้นเป็นอย่างไร ?
คุณอยากรู้หรือยัง ?

คุณเคยได้ยินประโยคนี้ไหมครับ ตัวคุณคือกลุ่มคนที่คุณคบหาสมาคมด้วย หรืออีกคำสุภาษิตหนึ่งก็คือ คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล นั่นเอง ซึ่ง 2 ประโยคนี้เป็นสิ่งที่ผมต้องการพูดถึง เพราะถึงแม้ว่าตัวคุณจะเป็นคนดีมากขนาดไหน ถ้าคุณไปอยู่ในกลุ่มโจร ก็ย่อมไม่มีคนเชื่อว่าคุณไม่เป็นโจรด้วย แล้วความคิดของคุณล่ะครับจะเป็นอย่างไร ถ้าคุณไปอยู่ในกลุ่มคนคิดลบ ?

การคิดบวกนั้นเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการ ฝึกฝน เป็นเวลานาน และผมบอกคุณได้เลยว่าการที่จะเป็นคนคิดบวกแบบ 100% ได้นั้น ยากเย็นแสนเข็ญมาก ซึ่งผมจะมาเล่าให้ฟังอีกครั้งหนึ่งถึงวิธีการนั้น
แต่การที่คุณจะเปลี่ยนตัวเองให้คิดบวกได้ง่ายขึ้น นั้นก็คือคุณต้องคบค้าสมาคมกับผู้ที่คิดบวก อยู่ในสิ่งแวดล้อมบวก ๆ

คุณคงเคยได้ยินกลุ่มคนที่ชอบว่า คนที่ทำธุรกิจเครือข่ายนั้นเป็นกลุ่มคนที่ถูกล้างสมอง ให้เข้าใจอะไรแบบผิด ๆ คำถามที่ผมอยากถามคือ คุณเชื่ออย่างไรครับ ?

คุณเชื่อว่าคุณถูกล้างสมอง หรือ เชื่อว่าคุณอยู่ในสิ่งแวดล้อมบวก ?

คนทำธุรกิจเครือข่าย เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่คิดบวกที่สุดกลุ่มหนึ่ง นอกเหนือจากกลุ่มคนรวย และกลุ่มคนที่เข้าวัด ปฏิบัติธรรม ส่วนสาเหตุที่มีผู้คนมองว่าถูกล้างสมอง ก็เพราะพวกเขาไม่เข้าใจ และไม่เคยมีโอกาสได้เข้ามาสัมผัสนั่นเอง

คุณคงเคยเป็นเวลาที่มาเข้าประชุมที่บริษัท ได้พบปะกับเพื่อนที่คิดบวก ผู้ประสบความสำเร็จที่คอยเป็นกำลังใจให้คุณ ทำให้คุณรู้สึกมีพลัง ซึ่งผมบอกได้เลยว่าการคิดบวก นั้นเป็นพลังในด้านบวก และมันจะทำให้คุณมีพลังมากขึ้นด้วย แต่หลังจากกลับถึงบ้านคุณต้องไปเจอกับคนที่ไม่เข้าใจ คนที่คิดลบ และนั่นเองจะบั่นทอนพลังงานที่คุณมี และกลับไปหดหู่เช่นตอนแรก

มาถึงตรงนี้ผมอยากจะบอกว่า ผมไม่ได้ให้คุณเลิกคบกับแฟนของคุณ หรือไม่พูดกับคนที่คิดลบอีกต่อไป แต่ผมอยากให้คุณเข้าใจ และทำตัวของคุณให้เป็นเช่นกระจก ที่สะท้อนทุกอย่างในแง่ลบกลับไปต่างหาก แล้วเปิดรับเฉพาะสิ่งบวก ๆ แล้วมันจะทำให้คุณมีพลัง

มีอีกเรื่องหนึ่งที่พวกคุณไม่เข้าใจ ว่าคุณกำลังอยู่ในสิ่งแวดล้อมลบ ๆ นั่นก็คือ การเสพย์ข่าวอันน่าหดหู่ และดูละครน้ำเน่า นอกจากว่าคุณจะเสพย์มันเพื่อความบันเทิงเพียงอย่างเดียว ผมขอบอกคุณได้เลยว่าผมไม่เสพย์ข่าวสารอันน่าหดหู่ ผมทำแค่เพียงฟังและรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่เคยคิดตามข่าวนั้นในแง่ลบเลย อันที่จริงข่าวสารต่าง ๆ นั้นต่างออกแบบมาให้คุณกลัวด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งมันจะเป็นการง่ายต่อการขายสินค้าในช่วงโฆษณาของพวกเขานั่นเอง และละครน้ำเน่านั้นผมเชื่อว่าก็ส่งผลถึงชีวิตของใครหลาย ๆ คน โดยที่ผมไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงมันอีกต่อไปแล้ว เพราะคุณคงทราบดี

ขอให้จำไว้ว่าคุณสามารถเลือกสิ่งแวดล้อม บวกได้ ด้วยตัวเอง และถ้าคุณทำธุรกิจเครือข่ายอยู่ คุณกำลังอยู่ในสิ่งแวดล้อมบวกอยู่แล้ว ผมต้องขอแสดงความยินดีด้วยครับ แต่ถ้าคุณไม่รู้สึกเช่นนั้น ผมแนะนำให้คุณมองให้ดี แล้วถ้าคุณคิดว่ามันไม่ได้บวกจริง ๆ ผมแนะนำให้คุณถอนตัวออกมาจากบริษัทนั้นซะ เพราะธุรกิจเครือข่ายที่ถูกต้อง จะสร้างสิ่งแวดล้อมบวก ๆ เสมอ

สุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับการเลือกของคุณว่า คุณจะเลือกเปิดรับด้านลบ ให้เข้าไปในตัวคุณหรือไม่
ผมเองก็ดูละครน้ำเน่า ดูข่าวอันน่าหดหู่ เพียงแต่ผมผ่านการฝึกในการเปิดรับด้านบวก ปิดด้านลบได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วเท่านั้นเอง แต่ถ้าคุณกำลังอยู่ในระหว่างการฝึกฝน ผมขอแนะนำให้คุณเลิกดูละคร และเลิกดูข่าวอาชญากรรม โศกนาฐกรรม จนกว่าคุณจะกลายเป็นคนคิดบวกได้แบบ 100%

ตัวช่วยที่สำคัญที่สุดในธุรกิจเครือข่าย


ตัวช่วยที่สำคัญที่สุดในธุรกิจเครือข่าย


วันนี้ ผมอยากจะมาพูดถึง ตัวช่วยที่สำคัญที่สุดในธุรกิจเครือข่าย หรือหุ้นส่วนทางธุรกิจ ที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จนั่นเอง ซึ่งตัวช่วยที่ว่านั้นได้แก่ บริษัท สินค้า แผนการตลาด ระบบ ทีมงาน ซึ่งคุณจำเป็นต้องทำความเข้าใจว่า สิ่งใดมีความสำคัญสูงสุดต่อการประสบความสำเร็จของตัวคุณเอง และสิ่งใดเป็นสิ่งที่คุณถูกสอนแบบผิด ๆ ตลอดมา ด้วยวิธีการแบบเดิม ๆ ที่มันไม่ได้ work อีกต่อไป
คุณพร้อมที่จะรู้หรือยัง ?

เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านที่กำลังทำธุรกิจเครือข่ายอยู่ ล้วนแล้วแต่มีความเชื่อมั่นในบริษัท สินค้า แผนการตลาดอย่างสูง ว่ามันจะช่วยในการตอบโจทย์ให้กับชีวิตของคุณได้อย่างยั่งยืน ซึ่งอันที่จริงแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง

ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจโจทย์ของตัวคุณก่อน นั่นคือต้องการเกษียณจากการทำงาน แต่มีรายได้เข้ามา หรือย้ายฝั่งไปเป็นเจ้าของธุรกิจ ที่มีระบบคอยทำงานแทนให้ ผมอยากให้คุณลองสังเกตดูว่า 7 eleven นั้นมีสินค้าที่ดีที่สุดในท้องตลาดหรือเปล่า ? ถ้าคุณเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังจะสื่อสารต่อไปนี้ บทความนี้จะเปลี่ยนชีวิตของคุณไปอย่างสิ้นเชิง สำคัญที่ว่าคุณพร้อมที่จะทำใจยอมรับมันได้จริง ๆ หรือเปล่าเท่านั้นเอง

ความจริงก็คือ มหาเศรษฐีทั้งหมดของโลกใบนี้ไม่ได้มีสินค้า และบริการที่ดีที่สุดในโลก แต่พวกเขามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือ ระบบจัดการที่ยอดเยี่ยม และนั่นเองจึงเป็นเหตุผลต่อความสำเร็จ ระบบนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือระบบในมุมมองลูกค้า และระบบในมุมมองเจ้าของกิจการ หรือเจ้าของแฟรนไชส์

ซึ่งในมุมมองลูกค้าผมคงไม่จำเป็นต้อง อธิบาย เพราะคุณคงมีโอกาสได้สัมผัสด้วยตัวเองมาแล้ว จาก 7 eleven Macdonal KFC แต่ในมุมมองของเจ้าของแฟรนไชส์นั้น ระบบที่ว่าคือเครื่องทำเงินที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่พวกเขา ด้วยระบบการ training ที่มีคุณภาพ ระบบจัดการที่เยี่ยมยอด ซึ่งระบบที่ว่านี้ย่อมสามารถสอนให้ผู้ที่ไม่มีความรู้ในการทำงานด้านนี้มา ก่อน สามารถประสบความสำเร็จได้

ในธุรกิจเครือข่าย ระบบที่ดีต้องสามารถทำให้คนทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ประสบความสำเร็จได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีต้นทุนเหมือนกัน เมื่อผู้คนเข้าร่วมธุรกิจ ระบบที่ดีต้องสามารถเปลี่ยนแปลงตัวผู้เข้าร่วมธุรกิจ ให้สามารถมีความเข้าใจ และลงมือทำแบบมืออาชีพในธุรกิจเครือข่ายได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจการขายมาก่อนเลยก็ตาม

แต่โชคร้ายที่ระบบส่วนใหญ่ ไม่เอื้ออำนวยต่อการประสบความสำเร็จของผู้คนทั้งหมด ดังที่หลายคนคาดหวังไว้ ถ้าคุณสังเกตดู คุณจะมองเห็นคนที่ใช้ระบบเหมือนกัน แต่ประสบความสำเร็จโดยใช้ระยะเวลาต่างกัน หรือบางทีอาจจะล้มเหลวก็เป็นได้

สาเหตุนั้นเพราะระบบแบบเดิม ๆ จำเป็นต้องมีองค์ประกอบเสริมในการทำธุรกิจ นั่นก็คือ อายุ เพศ และพื้นฐานทางสังคม เพราะคนที่อายุน้อย ๆ โอกาสในการประสบความสำเร็จย่อมยาก คนที่มีพื้นฐานทางสังคมที่ดีอยู่แล้วย่อมประสบความสำเร็จได้เร็วกว่าคนที่ ไม่มีเลย

ซึ่งอาจจะมีบางคนที่ไม่เป็นไปตามที่ผมพูด แต่นั่นเป็นเพียง 1 ใน 100,000 เท่านั้น ที่อาจจะประสบความสำเร็จโดยการใช้ระบบแบบเดิมได้โดยไม่มีพื้นฐานทางสังคมมา ก่อน

ดังนั้นระบบที่แท้จริง ต้องสามารถทำซ้ำ และสามารถให้ทุก ๆ คนเข้ามาใช้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องทำการสร้างระบบนั้นขึ้นมาใหม่ ซึ่งถ้าเกิดการทำซ้ำและส่งต่ออย่างมีประสิทธิภาพ นั่นจะเป็นโอกาสที่จะ ทำให้นักธุรกิจสามารถเกษียณจากธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

และนั่นคือเหตุผลที่ผมสร้าง School MLM ระบบช่วยสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายแบบออนไลน์ขึ้นมา เพื่อให้ทุก ๆ คนที่มีพื้นฐานทางสังคมแตกต่างกันประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน คุณสามารถเข้าร่วมกับระบบนี้ได้โดยการ –>>คลิ๊กที่นี่<<– เพื่อกรอกข้อมูลและรอการสัมภาษณ์จากทีมงานของเรา

ความสำเร็จเกิดจากการลงมือทำ


ความสำเร็จเกิดจากการลงมือทำ


กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวกรุงโรมไม่สามารถสร้างเสร็จได้ในวันเดียวฉันใด ความสำเร็จของคนเรา ก็ไม่สามารถเกิดได้ภายในวันเดียวฉันนั้น แต่ก็มีผู้คนมากมายในธุรกิจนี้ ที่ไม่เข้าใจถึงประโยคที่ว่า และคาดหวังว่าความสำเร็จจะมาแบบไม่รู้ตัว เหมือนกับการแทงล็อตเตอรี่ และเมื่อความสำเร็จนั้นไม่มาหาพวกเขาดั่งที่หวังไว้ พวกเขาจึงบอกกับตัวเองและคนรอบข้างว่า “ธุรกิจนี้ไม่เหมาะกับพวกเขา และตัดสินใจล้มเลิกในที่สุด” ทั้ง ๆ ที่อันที่จริงแล้วพวกเขายังไม่ได้เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ แล้วตัวคุณพร้อมที่จะรู้ถึงวิธีสร้างคำสำเร็จที่แท้จริงหรือยัง ?

สิ่งที่ผู้ประสบความสำเร็จแบ่งปัน ถึงขั้นตอนแห่งการประสบความสำเร็จของพวกเขานั้น ล้วนแล้วแต่ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ มันก็คือการลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ เท่านั้นเอง ไม่ใช่การทำสุดชีวิตใน 1 วันแล้วหยุดตลอดสัปดาห์ที่เหลือ หรือ ทำตามอารมณ์ วันเว้น 3 วัน หรือตามสภาพอากาศอำนวย

ผม อยากให้คุณจินตนาการถึงราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสอันดับ 1 ของโลกคนปัจจุบัน คุณคิดว่าผู้ชายคนนี้ประสบความสำเร็จได้อย่างไรครับ ? เพราะว่าเขามีพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเหมือน ? เพราะว่าเขาเกิดมาเป็นอัจฉริยะ ? หรือเพราะว่าเพราะเค้าเกิดมาเพื่อเล่นเทนนิส ทำให้เล่นเก่งตั้งแต่เกิด ?
เปล่าเลยครับ สาเหตุเป็นเพราะเขาซ้อมหนักกว่านักเทนนิสธรรมดาต่างหากครับ มีครั้งนึงที่ผมได้อ่านหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับเขา หลังจากที่เขาพึ่งประสบความสำเร็จคว้าแชมป์แกรนแสลมป์มาได้สำเร็จ วันต่อมาเขาได้ทำการบินไปเพื่อเข้าแข่งขันอีกรายการนึง ที่เป็นรายการเล็ก ๆ สิ่งที่สร้างความสะเทือนใจให้กับผมเป็นอย่างมากก็คือ เมื่อเครื่องบินลงจอดสิ่งแรกที่เขาทำคือตรงไปที่คอร์สเทนนิส และทำการซ้อม ถึงแม้ว่าฝนจะตกอยู่ก็ตามและถึงแม้ว่าเค้าจะเหนื่อยจากการบินก็ตาม

คุณ เห็นบางสิ่งบางอย่าง จากสิ่งที่ผมกำลังพยายามสื่อสารคุณหรือไม่ครับ ? คนที่ประสบความสำเร็จทุกคนลงมือทำอย่างหนัก และสม่ำเสมอมากกว่าคนธรรมดา คนประสบความสำเร็จไม่เคยใช้สิ่งแวดล้อมมาเป็นข้ออ้างในการลงมือทำ คนสำเร็จไม่หยุดการฝึกฝน แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม และคนสำเร็จไม่เคยยอมแพ้ให้กับความล้มเหลวใด ๆ

การที่คุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จ สิ่งเดียวที่คุณจะต้องทำคือการลงมือทำ ถ้าคุณยังคิดไม่ออกว่าคุณต้องทำอะไรบ้าง ? และทำอย่างไร ? ผมขอแนะนำให้คุณลองอ่านประวัติของเหล่าผู้ประสบความสำเร็จ หรือถ้าคุณมีโอกาส คุณสามารถสอบถามจากพวกเขาเหล่านั้นได้ และลงมือทำให้มากกว่า หรือเท่ากับคนที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้นทำ

สิ่ง สำคัญที่คุณต้องท่องไว้ให้ขึ้นใจก็คือ ความสำเร็จไม่ได้มาเร็วอย่างที่คุณคาดหวังไว้ ธุรกิจเครือข่ายคือการเก็บเกี่ยวความสำเร็จทีละเล็ก ทีละเล็ก จนกลายเป็นความสำเ่ร็จขนาดใหญ่ ถ้าคุณลงมือทำอย่างต่อเนื่องคุณจะได้รับความสำเร็จที่แท้จริง แต่ถ้าคุณลงมือทำแบบผลัดวันประกันพรุ่ง ผลลัพธ์ของคุณจะเท่ากับ 0

ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือโชควาสนานำพา


ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือโชควาสนานำพา


ความ สำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องที่เกิดเพราะปาฏิหาริย์ หรือโชควาสนานำพา หรือเกิดเพราะอุบัติเหตุ สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ หรือล้มเหลว ล้วนแล้วแต่มีเหตุผลด้วยกันทั้งสิ้น ถ้าคุณทราบว่าจริง ๆ แล้วคุณต้องการอะไร หรือคุณสามารถหา passion ของตนเองได้แล้ว สิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงแค่ copy ผู้ที่มีผลลัพธ์แบบเดียวกับที่คุณอยากได้ และทำแบบเดียวกับที่พวกเขาทำ และคุณย่อมได้รับความสำเร็จเช่นเดียวกับพวกเขา

ดังที่นักวิทยาศาสตร์ผู้โด่งดัง Sir Isaac Newton ได้กล่าวไว้ว่า “ทุก ๆ การกระทำ ย่อมมีการสะท้อนกลับในด้านตรงข้ามเสมอ”

สำหรับคุณและผม กฏที่สำคัญที่สุดในในโลกก็คือ ความคิดคือต้นเหตุ และเงื่อนไขคือผลกระทบ

หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้น ความคิดก็คือการสร้างสรรค์ ความคิดของคุณเป็นตัวสร้างสรรค์ทุก ๆ สิ่งในชีวิตของคุณ โลกที่คุณสร้างขึ้นทั้งภายในและภายนอก เป็นไปตามที่คุณคิด สิ่งแวดล้อม ผู้คน และทุก ๆ สิ่งรอบ ๆ ตัวคุณ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่คุณคิด และให้ความเห็นเองทั้งสิ้น และถ้าคุณเปลี่ยนความคิดได้ นั่นย่อมทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงได้อย่างไม่ต้องสงสัย

เพราะฉะนั้นเคล็ดลับของการประสบความสำเร็จในธุรกิจก็คือ คุณจะกลายเป็นสิ่งที่คุณคิดถึงอยู่ตลอดเวลา

สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ อันที่จริงแล้วมันไม่ได้ส่งผลกระทบกับคุณ แต่สิ่งที่ส่งผลกระทบคือสิ่งที่คุณคิด เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณต่างหาก ดังนั้นสิ่งแวดล้อมภายนอก ไม่ได้ตั้งเงื่อนไขในการที่คุณจะทำ หรือไม่ทำอะไร แต่เป็นตัวคุณเองต่างหากที่เป็นผู้ตั้งเงื่อนไขนั้นเอง

ดังนั้น การที่คุณจะประสบความสำเร็จ คือการที่คุณหยุดการตั้งเงื่อนไขของตัวเอง และลงมือทำโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง นั่นก็คือคนที่ไม่เห็นด้วย คนที่ต่อว่าคุณ เพราะคนที่จะเป็นผู้กำหนดผลกระทบจากคำพูดของพวกเขาเหล่านั้น เป็นตัวคุณ ถ้าตัวคุณเลือกที่จะไม่ให้คำพูดเหล่านั้นส่งผลกระทบต่อคุณ ก็เปรียบเสมือนคุณเลือกการประสบความสำเร็จด้วย

พลังของระบบที่ยอดเยี่ยม!


พลังของระบบที่ยอดเยี่ยม! ในธุรกิจเครือข่าย


ผู้ คนส่วนใหญ่ที่ล้มเหลวในการทำธุรกิจเครือข่าย นั่นก็เพราะพวกเขาไม่มีเส้นทางในการทำงานที่แน่นอน ในการทำธุรกิจเครือข่าย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ และเมื่อไม่ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ แรงขับเคลื่อนในการทำธุรกิจก็ลดน้อยลง จนตัดสินใจเลิกทำธุรกิจในที่สุด และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่คนมากกว่า 90% ล้มเหลว
คุณต้องการที่จะทราบถึงพลังของระบบ ที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ?

คุณทราบหรือไม่ว่า ผู้คน 9 ใน 10 คน เลิกทำธุรกิจเครือข่ายเมื่อทำไปได้ 1 ปี สาเหตุส่วนใหญ่นั่นก็คือด้วยระบบการทำงานที่ผิดพลาด ทำให้พวกเขาไม่ได้รับผลลัพธ์ตามที่ต้องการนั่นเอง

จากสถิติได้แสดงให้เห็นว่าการเข้าร่วม ธุรกิจเครือข่ายใน 90 วันแรก นั้นเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เพราะจาก 9 ใน 10 คนที่เลิกทำธุรกิจเครือข่ายเมื่อทำไปได้ 1 ปีนั้น มีจำนวน 40-60% ที่เลิกทำใน 90 วันนี้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีระบบที่ง่าย และได้ผล เช่นเดียวกันกับระบบของ Mac Donalds ที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของโลกก็ตาม ก็ยังมีวิธีการทำงานที่เหมือนกัน และได้ผลลัพธ์เหมือนกันอีกด้วย

นักธุรกิจเครือข่ายจำเป็นที่จะต้องทำ 4 ขั้นตอนเหล่านี้ ในตอนเริ่มต้นธุรกิจ ได้แก่

1.การตั้งเป้าหมาย
สิ่งแรกที่นักธุรกิจใหม่จำเป็นต้องทำนั่นก็คือ การตั้งเป้าหมาย ว่าเหตุใดจึงทำธุรกิจเครือข่าย เพราะนี่ถือเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาจะขยายขีดจำกัด และความต้องการของตนเองออกไป ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และเหตุผลของการทำธุรกิจเครือข่าย ไม่ควรเป็นเฉพาะเรื่องเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ควรเฉพาะเจาะจง เช่น เงินสำหรับการศึกษาของลูก เงินสำหรับท่องเที่ยวรอบโลก เป็นต้น ซึ่งเมื่อนักธุรกิจใหม่ตระหนักถึงเหตุผลที่พวกเขาทำธุรกิจเครือข่าย จะเกิดแรงผลักดันพวกเขาในการทำธุรกิจนี้อย่างคาดไม่ถึงตามมา

2.การให้คำมั่นสัญญา
สิ่งต่อมาคือการให้คำมั่นสัญญา ในการทำธุรกิจของนักธุรกิจใหม่ ว่าพวกเขาจะสามารถทุ่มเทเวลากับการทำธุรกิจนี้ได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งต้องตระหนักว่าผลลัพธ์ และการทุ่มเทในการทำธุรกิจนั้นย่อมแปรผันไปตามกัน เพราะย่อมเป็นไปไม่ได้ถ้าต้องการรายได้หลักแสน แต่แทนค่าเพียงวันละ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น และอีกหนึ่งสิ่งที่นักธุรกิจใหม่ จำเป็นต้องให้คำมั่นสัญญา ก็คือ การเปิดโลกการเรียนรู้ของพวกเขา เพราะในธุรกิจเครือข่าย เป็นการเปิดโอกาสให้กับการแข่งขันโดยไม่มีข้อจำกัดในด้าน เพศ อายุ เชื้อชาติ ดังนั้นการที่พวกเขาจะสามารถแข่งขันได้ในธุรกิจนี้ พวกเขาจำเป็นต้องมีความรู้ที่โดดเด่น เพื่อโอกาสในการประสบความสำเร็จที่สูงขึ้นนั่นเอง

3.สร้างโอกาสทางธุรกิจ จากการสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง
สิ่งสำคัญต่อมาคือการสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง เพราะถือเป็นต้นทุนในการทำธุรกิจที่สำคัญที่สุด และส่งผลต่อระยะเวลาของการได้รับผลลัพธ์และประสบความสำเร็จ ซึ่่งนี่ถือเป็นปัญหาใหญ่ของแต่ละคน เพราะถ้าคนที่มีรายชื่อผู้มุ่งหวังจำนวนมาก ก็ย่อมมีโอกาสได้รับผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว ในขณะที่คนที่มี่รายชื่อผู้มุ่งหวังน้อย ก็ย่อมเสียโอกาสในการเริ่มต้นธุรกิจเป็นอย่างมาก

*คุณสามารถเรียนรู้วิธีการสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง ผ่านทางระบการตลาดแบบดึงดูด ฟรี! โดยการ
-> คลิ๊กที่นี่ <-

4.ลงมือทำ และลงมือทำ
สิ่งสุดท้ายคือการลงมือทำอย่างมุ่งมั่น ผู้คนหลายคนไม่ประสบความสำเร็จดั่งที่ต้องการ ก็เพราะพวกเขาขาดการลงมือทำอย่างจริงจัง พวกเขาลงมือทำและคาดหวังว่าซักวันคงจะโชคดี ทั้ง ๆ ที่เรื่องจริงก็คือ การจะประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องโชควาสนานำพาแม้แต่น้อย แต่เกิดจากการลงมือทำอย่างหนักต่างหาก

และทั้งหมดที่กล่าวมาคือขั้นตอนของระบบที่ สำคัญ ที่จำเป็นต่อการเริ่มต้นธุรกิจของนักธุรกิจใหม่ ซึ่งจะทำให้พวกเขาเริ่มต้นการทำธุรกิจได้อย่างถูกต้อง และได้รับผลลัพธ์จากธุรกิจตามที่พวกเขาคาดหวังไว้

ความเชื่อที่คุณต้องมีในการทำธุรกิจ และการใช้ชีวิตของคุณ


ความเชื่อที่คุณต้องมีในการทำธุรกิจ และการใช้ชีวิตของคุณ


หลัง จากที่ผมได้พูดถึงการเดินทางสู่จุดมุ่งหมายไปแล้ว วันนี้ผมจะมาตอกย้ำถึงอีกหนึ่งความเชื่อสำคัญ ที่จะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จหรือความล้มเหลวทั้งหมดในชีวิตของคุณ และความเชื่อนั้นก็เป็นความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับคำว่า Impossible หรือแปลเป็นภาษาไทยคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คำถามที่ผมอยากให้คุณถามตัวเองก่อนก็คือคุณเชื่อในคำพูดนี้หรือไม่ คำ ๆ นี้เคยหยุดยั้งคุณจากการประสบความสำเร็จมาแล้วกี่ครั้ง และคุณพร้อมที่จะทลายขีดจำกัดนี้หรือยัง ?

นี่เป็นเรื่องราวต่อเนื่องจากเรื่องการเดินทางสู่เป้าหมายของคุณ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ผมได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมของผม และต้องการแบ่งปันให้กับคุณ ซึ่งถ้าคุณยังไม่ได้อ่านหัวข้อที่ผ่านมา ผมขอแนะนำให้คุณอ่านหัวข้อการเดินทางสู่เป้าหมายของคุณก่อน โดย คลิ๊กที่นี่ เพื่อความเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการสื่อสารแบบ 100%

ซึ่งในวันนี้เรื่องที่ผมต้องการสื่อสารคือ เรื่องความเชื่อ ซึ่งมีผลต่อความสำเร็จหรือล้มเหลวในทุก ๆ สิ่งในชีวิตของคุณ ซึ่งผมจะขอยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของตัวผมเอง เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจได้มากขึ้น ตัวผมเองมีอุปสรรคสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือน้ำหนักที่มากกว่าคนทั่วไป ซึ่งอันที่จริงสิ่งนี้น่าจะเป็นอุปสรรค และทำให้ผมไม่มีทางที่จะสามารถเดินทางสู่จุดมุ่งหมาย ด้วยวิธีการโรยตัวจากหน้าผา ได้แบบคนปกติอย่างแน่นอน

ซึ่งประเด็นนี้ผมอยากให้คุณเข้าใจในเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ก่อน นั่นก็คือในเรื่อง comfort zone ที่เราจะไม่ยอมทำในสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย และสิ่งที่คุณต้องทราบก็คือความคิดของคุณ เป็นตัวสั่งการในการสร้าง comfort zone ของตัวคุณนั่นเอง ดังนั้นในกรณีนี้ถ้าผมมีความเชื่อเหมือนกับคนทั่วไป นั่นคือเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ (impossible) ผมคงไม่สามารถจบการเดินทางในครั้งนี้ได้เลย

แต่หลังจากผมผ่านการฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก ตัวผมจึงเกิดความเชื่อในประโยค 2 ประโยค นั่นคือ Impossible is nothing (ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้) และ If anyone can do I can do too (ถ้ามีคนทำได้ เราก็ต้องทำได้เหมือนกัน) ซึ่งผมเกิดความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในศักยภาพของตัวเอง ถึงแม้ร่างกายผมอาจจะไม่เอื้ออำนวย และเป็นอุปสรรค แต่หัวใจของผมกลับแตกต่างออกไป เพราะมันกลับแข็งแกร่งด้วยความเชื่อมั่น และไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงความเชื่อนั้นได้ นั้นจึงเป็นสาเหตที่ผมสามารถบรรลุเป้าหมายได้ ถึงแม้ในสายตาของคนอื่น จะมองว่าเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

ซึ่งประโยคที่กล่าวไว้ว่า ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว นั้นสามารถนำมาใช้ได้ในสถานการณ์นี้ได้ เพราะทุก ๆ ครั้งที่ร่างกายผมหมดแรง ใจของผมจะสั่งการให้ร่างกายกลับมามีพลังอีกครั้งและเดินหน้าต่อไป

ถ้าหากคุณยังไม่สามารถเห็นภาพชัดเจน ผมจะเล่าให้คุณฟังถึงความเกี่ยวเนื่องของเรื่องนี้ กับธุรกิจของคุณว่าเป็นอย่างไร สิ่งที่คนล้มเหลวคิด คือพวกเขาไม่เชื่อมั่นว่าตนเองจะสามารถประสบความสำเร็จได้ พวกเขาเชื่อมั่นว่าในโลกนี้มีสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขา ในขณะที่คนประสบความสำเร็จ เชื่อมั่นว่าไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ในโลกนี้ และนั่นคือเหตุผลของผลลัพธ์ที่แตกต่างกันของทั้ง 2 กลุ่ม

ถ้าตัวคุณยังเชื่อว่าในโลกนี้มีสิ่งที่คุณ ไม่สามารถจะเป็นได้ สิ่งนั้นจะเป็นตัวหยุดยั้งคุณ ถ้าคุณเชื่อว่าคุณไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ ตามที่คุณฝันไว้ คุณย่อมไม่มีทางประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

สิ่งที่คุณต้องทำตั้งแต่วันนี้ไป คือฝึกตัวคุณเองให้เชื่อว่าในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าคนอื่นทำได้ คุณต้องสามารถทำได้ และถ้าคุณเชื่อเช่นนี้ ถึงแม้คุณจะเจอปัญหา อุปสรรคมากมายเพียงใด คุณก็ยังคงมุ่งสู่เส้นทางของการประสบความสำเร็จเช่นเดิม

ในหัวข้อต่อไป ผมจะพูดถึงองค์ประกอบ ที่จะช่วยให้คุณมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ตามที่คุณตั้งใจไว้ และถ้าการประสบความสำเร็จในชีวิตของคุณ เป็นสิ่งที่คุณต้องการอย่างที่สุด คุณย่อมไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

ความสำคัญของผู้นำ และทีมงาน


ความสำคัญของผู้นำ และทีมงาน


องค์ ประกอบที่จะช่วยให้คุณสามารถเดินทาง ไปยังจุดหมายที่คุณต้องการได้แก่ผู้นำ และทีมงานของคุณ ซึ่งในวันนี้ผมจะพูดถึงความสำคัญของการมีผู้นำ และการมีทีมงานที่ดี ว่าจะส่งผลให้โอกาสในการเดินไปจนถึงเป้าหมายของคุณเป็นไปได้อย่างไร และลักษณะของผู้นำ กับทีมงาน ที่คุณจำเป็นต้องมีนั้นเป็นอย่างไร
คุณพร้อมจะเข้าใจในความสำคัญนี้หรือยัง ?

นี่เป็นบทความที่ต่อเนื่องจาก เรื่องความเชื่อที่คุณต้องมีในการทำธุรกิจ และการใช้ชีวิตของคุณ ซึ่งในการทำกิจกรรมโรยตัวจากหน้าผาของผม ผมได้ค้นพบและเรียนรู้เรื่องราวมากมาย ดังนั้นผมจึงอยากจะนำมาแบ่งปันให้กับคุณ ได้มีโอกาสได้รู้ในสิ่งที่ผมได้ค้นพบมา

ในช่วงท้ายของกิจกรรมการโรยตัวจากหน้าผา ผมต้องทำการเดินเท้าตามสายน้ำตก ซึ่งไหลลงมาจากภูเขา ซึ่งมีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร แต่เป็นเส้นทางที่ลำบากมาก เพราะจำเป็นต้องเดินในน้ำ และบนก้อนหิน โดยแทบไม่มีโอกาสได้เดินบนพื้นดินธรรมดาเลย

การเดินทางของผมในตอนต้น ที่ผมทำการเดินทางด้วยตนเองนั้นเป็นเรื่องยากลำบากอย่างยิ่ง เพราะผมทราบเพียงแค่ทิศทางที่ต้องเดิน แต่ไม่ทราบว่าต้องเดินอย่างไร จึงจะไม่ลื่นล้ม แต่ถึงผมจะพยายามอย่างระมัดระวังเพียงใด สุดท้ายผมก็ยังคงลื่นล้มเช่นเดิม นั่นเพราะผมไม่เคยมีประสบการณ์ในการเดินทางเช่นนี้มาก่อน

จนกระทั่งผู้นำกิจกรรมนี้ ย้อนกลับมาดูแลผมในการเดินทาง ผมจึงสามารถหลีกเลี่ยงการล้ม และสามารถเดินทางสู่จุดมุ่งหมายได้เร็วขึ้น ซึ่งสำหรับผม ผู้นำทางนั้นมีความสำคัญต่อการเดินทางในครั้งนี้มากกว่า 50% เพราะผู้นำทางเป็นทั้งผู้ชี้แนะการเดินทาง เป็นผู้ให้กำลังใจ และช่วยเหลือเมื่อผมเกิดปัญหาหรือล้มลง

อีกส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ผมสามารถเดินทาง บรรลุเป้าหมายได้นั่นก็คือ ผู้ร่วมทางของผม ที่เป็นส่วนช่วยผมเสมอในการเดินทาง ช่วยประคองเมื่อผมล้ม และไม่ทอดทิ้งให้ผมต้องเดินโดดเดี่ยว ซึ่งนั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ส่งผลให้ผมเดินทางถึงจุดหมายปลายทางได้

และนี่จึงเป็นสาเหตุที่จำเป็นต้องมี อัพไลน์ในการทำธุรกิจเครือข่าย เพราะอัพไลน์ก็เปรียบเสมือนเป็นผู้ชี้นำเส้นทาง และเป็นผู้ดูแลคุณในการเดินทางไล่ล่าความฝันนั่นเอง และอีกหนึ่งสิ่งที่คุณขาดไม่ได้นั่นก็คือทีมงานของคุณ ที่รวมถึง sideline ของคุณด้วย ที่จะเป็นผู้ให้กำลังใจและช่วยเหลือคุณ

คุณคงเห็นถึงความสำคัญของการมีอัพไลน์ใน และทีมงานแล้ว ต่อไปผมจะบอกถึงคุณสมบัติที่ดีของอัพไลน์ที่จำเป็นต้องมี เพื่อคุณจะได้สามารถนำไปเลือกได้ถูกต้อง อัพไลน์ที่ดีนั้นจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง เพราะถ้าอัพไลน์ของคุณ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญหรือไม่รู้ทิศทางที่คุณควรเดิน นั่นจะเป็นสิ่งที่ทำให้การทำธุรกิจของคุณล้มเหลว และทีมงานที่คุณต้องมีนั้น ต้องเป็นทีมงานที่ช่วยเหลือกัน และไม่อิจฉาริษยา ใส่ร้ายป้ายสีกันเป็นอันขาด

หลาย ๆ คนอาจแย้งว่าเราไม่สามารถเลือกอัพไลน์หรือทีมงานเองได้ นั่นเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะการทำธุรกิจเครือข่าย นอกจากในเรื่องของบริษัท ที่คุณจำเป็นต้องพิจารณาให้ดีก่อนจะตัดสินใจทำธุรกิจแล้วนั้น คุณจำเป็นต้องพิจารณาอัพไลน์ของคุณด้วย ว่ามีศักยภาพพอที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จหรือไม่ เพราะผู้นำทางนั้นมีผลต่อความสำเร็จของคุณ มากกว่าที่คุณสามารถจินตนาการได้ และถ้าคุณเลือกอัพไลน์ ที่ไม่สามารถนำทางคุณสู่ความสำเร็จได้ โอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายได้คงน้อยเต็มที

คำถามก็คือคุณต้องการที่จะให้ทีมงาน School MLM เป็นผู้นำ เพื่อนำพาให้คุณประสบความสำเร็จหรือไม่ ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง คุณสามารถ –> คลิ๊กที่นี่ <– เพื่อขอสมัครเข้าร่วมทีมงานกับเรา และรอการติดต่อกลับ

ในหัวข้อต่อไป ผมจะพูดถึงเหตุผล และความสำคัญของการให้กำลังใจ ทั้งจากตัวเองสู่ตัวเอง และผู้อื่นให้กำลังใจแก่เรา ขอให้คุณติดตามในหัวข้อต่อไปครับ

ความเชื่อ


ความเชื่อ


สิ่งที่สำคัญถัดจากความฝัน นั่นก็คือ ความเชื่อ เพราะมันจะเป็นแรงผลักดันให้คุณก้าวข้ามผ่านอุปสรรคที่ขวางกั้นคุณอยู่ ถ้าคุณขาดความเชื่อที่มากเพียงพอ คุณจะไม่มีทางประสบความสำเร็จในการทำงานอะไรก็ตาม

ถ้าความเชื่อของคุณนั้นไม่หนักแน่นพอ คุณจะถูกทำให้หลงทางและมันจะทำให้คุณบรรลุฝันของคุณได้ช้า หรืออาจไม่มีทางบรรลุได้เลย อะไรคือความเชื่อของคุณ ที่จะนำพาคุณก้าวข้ามผ่านอุปสรรค ?

ความเชื่อนั้นแบ่งออกเป็นหลายระดับ แต่ผมจะไม่พูดถึงระดับของความเชื่อให้คุณฟังทั้งหมด แต่จะ
บอกคุณว่า การที่คุณจะสามารถประสบความสำเร็จ ไม่เฉพาะการทำธุรกิจเครือข่าย แต่รวมถึงทั้งหมดในชีวิตของคุณนั้น คุณจำเป็นที่จะต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ และความเชื่อนั้นต้องเกิดขึ้นจากภายในตัวคุณเอง ไม่ใช่ความเชื่อจากปากของคนอื่น หรือความเชื่อที่คุณถูกตั้งโปรแกรมมา

คุณเคยสงสัยหรือเปล่าว่าทำไมคุณถึงล้มเหลว ใน MLM ที่คุณทำมาก่อนหน้านี้ บางคนอาจจะมาก กว่า 1 ตัว ? บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเพราะคุณเลือกบริษัทผิด บางคนอาจคิดว่าเป็นเพราะสินค้าไม่ดี ไม่ตอบโจทย์ บางคนอาจคิดว่าเป็นเพราะแผนการตลาดทำยากมาก หรือสาเหตุอื่นอีกมากมาย

แต่ผมบอกคุุณได้เลยครับ สาเหตุที่คุณล้มเหลวจริง ๆ แล้ว เป็นเพราะคุณขาด ความเชื่อ ต่างหาก
เพราะงานที่คุณทำ คุณต้องทำให้ผู้มุ่งหวัง เกิดความเชื่อคล้อยตามกับความเชื่อของคุณ แต่สิ่งที่คุณ
จะได้เจอในทุก ๆ ครั้ง ก็คือคุณเองจะถูกทดสอบความเชื่อของคุณ จากผู้คนที่มีความเชื่อต่างจากคุณ พวกเขาจะทำทุก ๆ ทางเพื่อให้คุณเชื่อว่าสิ่งที่คุณกำลังชักจูงพวกเขาอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ผิด

และพยายามให้คุณเชื่อเช่นนั้น ถ้าหากคุณไม่มีความเชื่อที่หนักแน่นเพียงพอ พวกเขาก็จะสามารถโยกคลอนความเชื่อของคุณสำเร็จ หรือบางครั้งความเชื่อของคุณ อาจจะถูกทำลายลงก็เป็นได้

และนั่นคือสาเหตุที่คุณล้มเหลว ความเชื่อถูกทำลาย หรือถูกโยกคลอน

ทางแก้ไขของคุณก็คือ คุณต้องเชื่อในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ ถ้าคุณยังสงสัยในสิ่งที่คุณทำอยู่ว่ามันถูกหรือผิด ? คุณต้องเป็นผู้หาคำตอบด้วยตัวเอง แต่ผมสามารถบอกใบ้คุณได้ถึงวิธีการที่คุณจะสามารถเพิ่มความเชื่อได้ มันก็คือการหาข้อมูลและเพิ่มพูนความรู้ยังไงล่ะครับ

สุดท้ายนี้ผมอยากจะแบ่งปันเพลง เพลงหนึ่ง ที่ผมเองฟังทุกครั้งที่ผมรู้สึกท้อ รู้สึกสงสัยในสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ และมันทำให้ผมมีพลังที่จะเดินไปตามความฝันของผมได้ต่อไป

ความเชื่อที่จำกัดตัวคุณ


ความเชื่อที่จำกัดตัวคุณ


ความ เชื่อนั้นไม่ได้มีเฉพาะด้านดีอย่างเดียว แต่มีอีกด้านหนึ่งของความเชื่อที่เป็นตัวจำกัดการลงมือทำของเรา และการประสบความสำเร็จของเรา ความเชื่อที่ว่านั้นก็คือความเชื่อที่จำกัดตัวคุณ ซึ่งความเชื่อเหล่านี้ฝังรากลึกลงไปในตัวคุณ เกินกว่าที่คุณจะสามารถจินตนาการได้ และถ้าตัวคุณเองไม่สามารถตระหนักได้ว่า อะไรคือความเชื่อที่จำกัดตัวคุณอยู่ คุณจะติดอยู่กับที่และไม่สามารถไปต่อได้อย่างแน่นอน
คุณอยากจะทราบหรือยังว่าความเชื่อที่จำกัดตัวคุณนั้นเป็นอย่างไร ?

ความเชื่อมีทั้งความเชื่อที่เพิ่มพลังให้ แก่ตัวคุณ ซึ่งผมได้กล่าวไว้หลาย ๆ ครั้งในบทความของผมแล้ว ซึ่งคุณสามารถย้อนกลับไปอ่านได้ถ้าคุณต้องการ แต่ในวันนี้ความเชื่อที่ผมจะพูดถึง เป็นความเชื่อที่ลดพลังของตัวคุณ โดยที่คุณเองอาจจะยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่า คุณมีความเชื่อเหล่านี้อยู่ในระบบความเชื่อของคุณ

ระบบความเชื่อของแต่ละคนล้วนแล้วแต่แตก ต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะระบบความเชื่อมีที่มาได้จากหลาย ๆ ทาง ไม่ว่าจะเป็นจากการตั้งโปรแกรมในวัยเด็ก จากประสบการณ์ จากการรับรู้ และการตั้งโปรแกรมเหล่านี้ คุณอาจจะเป็นผู้ตั้งโปรแกรมด้วยตนเองหรือถูกผู้อื่นตั้งให้ หรืออาจจะถูกตั้งจากสิ่งแวดล้อมก็เป็นได้ ซึ่งผมจะนำมากล่าวอย่างละเอียดในหัวข้อต่อไป

ความเชื่อที่จำกัดตัวคุณ เป็นความเชื่อที่มีพื้นฐานมาจากความกลัว ซึ่งความกลัวเหล่านั้นเป็นเหตุให้สมองของคุณทำการตั้งโปรแกรมเพื่อจำกัดตัว คุณไว้ เพื่อไม่ให้คุณรู้สึกไม่ปลอดภัยนั่นเอง

ซึ่งในความเชื่อที่จำกัดตัวคุณบางเรื่อง อาจจะช่วยคุณจากการได้รับอันตรายได้จริง เช่นถ้าคุณเป็นโรคเบาหวาน ความเชื่อของคุณก็คือ คุณไม่สามารถเสี่ยงกับการบาดเจ็บจากการทำกิจกรรมโลดโผนต่าง ๆ ได้เด็ดขาด

แต่ในบางครั้งความเชื่อเหล่านี้กลับทำให้ คุณไม่สามารถก้าวไปต่อได้ ความเชื่อนั้นได้แก่ เราดีไม่พอ ไม่สามารถทำได้ ไม่มีทางรวยได้ ไม่มีทางประสบความสำเร็จ เราไม่เก่ง ฯลฯ

ความเชื่อเหล่านี้เป็นความเชื่อที่หยุด ยั้งคุณ จากการลงมือทำแบบสุดชีวิต และความเชื่อเหล่านี้ทำให้คุณสร้างภาพความล้มเหลวของตัวคุณ ก่อนที่คุณจะเริ่มลงมือทำสิ่งใด ๆ เสียอีก มาถึงจุดนี้คุณคงเลิกสงสัยแล้ว ว่าเหตุใดคุณจึงล้มเหลว ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเสียด้วยซ้ำ

การจัดระบบและการตั้งโปรแกรมความเชื่อเป็น เรื่องยาก เพราะคุณเองถูกตั้งโปรแกรมมาแล้ว เป็นสิบ ๆ ปี แต่ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ซึ่งวิธีการของการตั้งโปรแกรมนั้น เรียกว่าการตั้งโปรแกรมแห่งความสำเร็จ ซึ่งผมพร้อมที่จะสอนคุณด้วยตนเอง

ถ้าคุณยินยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อโอกาสในการตั้งโปรแกรมในชีวิตคุณใหม่ เข้าร่วมสัมมนาของผม โดยการ ->คลิ๊กที่นี่<- แล้วผมจะรีบติดต่อคุณกลับ เพื่อบอกเล่าถึงวิธีการเข้าร่วมสัมมนา หรือโทรหาผมตอนนี้ที่เบอร์ 086-459-1894 (ชาญวิทย์)

การโฟกัสกับการประสบความสำเร็จ


การโฟกัสกับการประสบความสำเร็จ

การ โฟกัสกับการประสบความสำเร็จนั้นมีความเกี่ยวข้องกันโดยตรง ซึ่งวันนี้ผมจะพูดถึงความแตกต่าง ของการโฟกัสของคนที่ประสบความสำเร็จ กับคนที่ล้มเหลว ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ทำไมทั้ง 2 คนเข้าใจหลักการโฟกัสเหมือนกัน แต่กลับประสบความสำเร็จแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สาเหตุก็เพราะความแตกต่างของการโฟกัส คนประสบความสำเร็จโฟกัสไปที่ความสำเร็จ ในขณะที่คนล้มเหลวโฟกัสไปที่ปัญหา และอุปสรรค
คุณอยากเป็นกลุ่มคนไหนครับ ?

การมุ่งความสนใจเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่าง ยิ่ง ก่อนอื่นผมอยากให้คุณลองมองวัตถุตรงหน้าคุณตอนนี้ ซึ่งก็คือคอมพิวเตอร์ ตอนนี้คุณเพ่งความสนใจที่คอมพิวเตอร์เพียงแค่อย่างเดียวถูกไหมครับ ? ดังนั้นภาพคอมพิวเตอร์จึงชัดเจนอย่างแน่นอน คราวนี้ผมอยากให้คุณลองยกมือของคุณข้างนึงขึ้นมา ไว้หน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วลองมองที่มือของคุณ คุณจะเห็นว่าคอมพิวเตอร์นั้นดูเลือนรางไป ถูกต้องไหมครับ ? ในขณะที่มือของคุณดูชัดเจน คุณเห็นทุกอย่างของมือของคุณ คราวนี้ลองสลับดูบ้างครับ ให้คุณลองตั้งใจเพ่งไปที่คอมพิวเตอร์ คุณเห็นความแตกต่างหรือไหมครับ ? ว่าคอมพิวเตอร์ของคุณนั้นชัดเจนขึ้นมา ในขณะที่มือของคุณนั้นดูเลือนลางลงไป ทั้ง ๆ ที่มือของคุณก็ยังอยู่ที่ตำแหน่งเดิม

นี่คือสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อในวันนี้ครับ ที่บอกว่าคนประสบความสำเร็จโฟกัสที่ความสำเร็จ ในขณะที่คนล้มเหลวกลับโฟกัสไปที่ปัญหา ถึงแม้ว่าทั้ง 2 กลุ่มคน จะพบเจอปัญหาเหมือนกัน คนล้มเหลวเลือกที่จะมองแต่ปัญหา เหมือนมองมือที่กั้นคอมพิวเตอร์ไว้ครับ พวกเขาจึงเห็นปัญหามีขนาดใหญ่ และชัดเจน ในขณะที่ความสำเร็จชั่งเรือนรางจนแทบไม่เห็นเลย ในขณะที่คนที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายก็มีปัญหาขวางกั้นไว้เช่นกัน แต่พวกเขาเลือกที่จะโฟกัสเฉพาะกับความสำเร็จ ทำให้ปัญหานั้นดูจะเลือนลางลงไป เหมือนที่ผมฝึกให้คุณโฟกัสที่คอมพิวเตอร์ แล้วมือของคุณจะดูเลือนลางไปนั่นเอง

ผมจะบอกความจริงให้คุณได้ทราบครับ คนที่ไม่มีปัญหา นั่นมีเพียงแค่กลุ่มเดียวในโลกนั่นก็คือคนที่ไม่หายใจแล้ว ตราบใดที่คุณยังหายใจ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนรวย คนจน คนชนชั้นกลาง ทุก ๆ คนมีปัญหาเหมือนกันทั้งหมด แล้วความลับของเรื่องปัญหานี้ที่ผมอยากจะให้คุณรู้ก็คือ รายได้และความสำเร็จของคุณ ขึ้นอยู่กับขนาดของปัญหาที่คุณสามารถแก้ได้ครับ คุณคงเลิกสงสัยแล้วใช่ไหมครับ ? ว่าทำไมคุณถึงมีรายได้เพียงเท่านี้ และทำไมความสำเร็จของคุณไม่เป็นไปตามที่คุณตั้งใจไว้ ทั้ง ๆ ที่คุณทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่แ้ล้วก็ตาม เหตุผลก็เพราะขนาดของปัญหาที่คุณสามารถแก้ไขได้มันยังน้อยอยู่ยังไงล่ะครับ

ซึ่งการที่คุณจะแก้ไขปัญหาที่มีขนาดใหญ่ได้นั้น คุณคิดว่าคุณจะทำอย่างไรครับ ระหว่าง
1) ลดขนาดของปัญหา
2)ขยายขนาดของตัวคุณ

และในเรื่องต่อไป ผมจะมาเฉลยคำตอบในข้อนี้

ขอให้คุณจำไว้ว่าสิ่งที่คุณให้ความสนใจ จะมีขนาดใหญ่ขึ้น ถ้าคุณโฟกัสที่ปัญหา มันก็จะใหญ่ขึ้น และเข้ามาหาคุณมากขึ้น ในขณะเดียวกันถ้าคุณให้ความสนใจที่ความสำเร็จ ความสำเร็จของคุณจะใหญ่ขึ้น และคุณเท่านั้นที่เป็นคนเลือก เพราะชีวิตของคุณ คุณต้องรับผิดชอบมัน 100%