หลายๆท่านอาจจะสงสัยว่าวันนี้ผมจะเขียนเรื่องอะไร
อ่านหัวเรืองดูแล้วอาจจะงงๆ แมะคืออะไร ?
เอาเป็นว่าท่านค่อยๆลองติดตามอ่านเนื้อหาในวันนี้ดูก็น่าจะเข้าใจ
เพราะเราจะอธิบายท่านแบบละเอียดเลยครับ
การแมะเพื่อตรวจสอบชีพจรนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะตรวจหรือแมะกันบริเวณข้อมือ เพราะว่าบริเวณข้อมือมีจุดต่างๆที่หมอแมะสามารถจับชีพจรได้ และจุดจับชีพจรบนข้อมือแต่ละข้างก็สื่อถึงการทำงานของอวัยวะที่แตกต่างกัน ออกไป เช่น หมอแมะจะตรวจสอบการทำงานของกระเพาะอาหาร ต้องตรวจสอบทางด้านมือขวา แต่ถ้าต้องการแมะเพื่อตรวจสอบการทำงานของลำไส้เล็ก ก็ต้องแมะกันที่มือซ้าย เป็นต้น
การแมะนั้นจะเกี่ยวข้องกับการมีสมาธิ คนตรวจจะต้องมีสมาธิพอสมควร ถ้าคนที่แมะเก่งๆ หากตรวจหัวใจคนไข้บางทีต้องควบคุมการเต้นของหัวใจตัวเองกับคนไข้ว่ามีจังหวะ เดียวกันมั้ย เพราะฉะนั้นการฝึกสมาธิต้องมีบ้าง มาถึงจะไปจับส่งเดชไม่ได้นะครับ แล้วการจับชีพจรนี่ก็จับตรวจโรคได้บางอย่าง บางอย่างก็ตรวจไม่พบ ไม่ใช่ว่าจับชีพจรแล้วจะตรวจพบหมดนะครับ การตรวจจากชีพจรเนี่ยมันบอกถึงการเต้นของหัวใจ การไหลเวียนของเลือด ความร้อนความเย็นในร่างกายมันจะบอกได้จากชีพจรทั้งนั้นเลย เพราะฉะนั้นรหัสการเต้นของชีพจรก็คือรหัสของโรค เราต้องอ่านรหัสแปลเป็นโรค วิธีการจับก็อยู่ในบริเวณข้อมือซึ่งจะมีชีพจรอยู่ ซึ่งถ้าชำนาญจับเดี๋ยวเดียวก็รู้
คิวที่รอแมะกับหมอเส็ง
หลายท่านอาจจะยังสงสัยว่ารู้ได้ไงว่าถึง 500 คน ก็นับจากบัตรคิวนะสิครับ การแมะของหมอเส็งกับคนจำนวนมากขนาดนั้น ก็จำเป็นต้องมีการเรียงคิวเป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ
คนที่มารอการแมะกับหมอเส็งก็มีอาการไม่สบายแตกต่างกันไป ตั้งแต่คนเจ็บป่วยที่สามารถมารับการตรวจแมะได้ด้วยตนเองจนกระทั่งคนเจ็บป่วย ที่ต้องนั่งรถเข็นและต้องให้ญาติพี่น้องช่วยดูแล
คุณหมอเส็งแมะคนป่วย
ในส่วนของกระบวนการแมะของหมอเส็งนั้น เริ่มต้นจากการที่ท่านได้รับบัตรคิวเสียก่อน แต่เนื่องจากคนที่ไปรอรับการแมะกับหมอเส็งมีอยู่จำนวนมาก ถ้าไปรอรับบัตรคิวช้าอาจจะทำให้ต้องรอการแมะกับหมอเส็งนานก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากแมะกับหมอเส็งก่อนก็ต้องรีบจองคิวก่อน จากนั้นให้ท่านกรอกรายละเอียดอาการไม่สบายของท่านว่าเป็นอะไร มีอาการอย่างไร รอสักครู่ประมาณ 14.00 น. คุณหมอเส็งจะเริ่มการแมะ ซึ่งจะเรียกตามคิว คิวละ 50 คน ถ้าหมดคิวนี้ก็จะเรียกอีก 50 คนเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบทุกคน
ถ้าท่านถึงคิวของท่านที่จะได้แมะกับหมอเส็งแล้ว ท่านต้องเข้าไปให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับอาการไม่สบายของท่านกับผู้ช่วย ของคุณหมอเส็ง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 2-3 ท่าน (ทุกๆครั้งหนึ่งในนั้นจะเป็นคุณเล็ก ซึ่งท่านเป็นภรรยาของคุณหมอเส็งเคียงข้างตลอด ก็คนที่นั่งด้านขวามือคุณหมอเส็งในภาพนั่นแหละครับ) ที่คอยสอบถามข้อมูลเบื้องต้นก่อนที่คุณหมอเส็งจะทำการแมะ
การแมะของคุณหมอเส็งจะใช้วิธีการจับชีพจรที่หลังมือ แล้วสอบถามอาการต่างๆ ด้วยตัวคุณหมอเส็งเอง ซึ่งจะใช้เวลาไม่นานนัก จากนั้นคุณหมอเส็งจะจัดยาให้กับคนที่ไม่สบาย และเขียนลงในบัตรคิวว่าต้องทานยาอะไรบ้าง เป็นอันเสร็จสิ้นการแมะต่อคน
อีกประเด็นหนึ่ง คือ ถ้าหลายๆท่านเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหมอเส็งมาก่อน ท่านอาจจะเคยได้ทราบมาบ้างแล้วว่า ก่อนหน้านี้การที่ท่านจะได้รับการแมะกับคุณหมอเส็งนั้นเป็นเรื่องยาก และถึงแม้ท่านจะได้รับการแมะกับหมอเส็งก็จริง แต่ท่านอาจจะต้องจ่ายค่าแมะเป็นหมื่นบาทกันแลยทีเดียว (อันนี้ไม่นับรวมค่ายาครับ) แล้วตอนนี้ละถ้าจะแมะกับหมอเส็งต้องเสียเงินหรือเปล่า เราบอกไว้ตรงนี้เลยว่า
อยากให้ทุกท่านสุขภาพดี
แล้วพบกันครับ
การแมะ คือ อะไร
การแมะ คือ การตรวจโดยการจับชีพจร แต่จุดมุ่งหมายและวิธีการตรวจนั้นต่างกัน ในศาสตร์แพทย์แผนจีนกล่าวว่าภายในเส้นเลือดนั้นนอกจากจะมีเลือดอยู่ภายใน แล้วยังมีชี่ หรือที่เรียกให้เข้าใจง่ายๆว่า ลมปราณ อยู่ด้วย ลมปราณจะเป็นตัวที่ขับดันเลือดให้ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆของร่างกาย(ที่ทำให้ เกิดชีพจร) โดยที่ลมปราณที่ไปยังอวัยวะต่างๆนั้น จะสามารถดูถึงความผิดปกติได้ในตำแหน่งที่ต่างกันในขณะจับชีพจร และความช้า เร็ว ของชีพจรก็จะเป็นตัวบอกถึงสภาพของแต่ละคนได้(ในภาวะที่ร่างกายอยู่ในสภาพ ปกติ ไม่เหนื่อยหรือหลังทานอาหารใหม่ๆ เป็นต้น) เช่น เร็ว-โรคของอวัยวะกลวง โรคร้อน ช้า-โรคของอวัยวะตัน โรคเย็น ลอย-โรคจากภายนอก จม-โรคจากภายใน แรง-ภาวะแกร่ง อ่อนแอ-ภาวะพร่อง เนิบช้า-ความชื้น แน่น- ความเย็น และมือซ้าย สามารถดูได้ถึงอวัยวะ เช่น หัวใจ ตับ ไต ,มือขวา-ปอด กระเพาะอาหาร ไต เป็นต้น ซึ่งถ้าหมอจีนที่มีประสบการณ์สูงๆ ก็สามารถดูได้ว่ามีอะไรผิดปกติบ้าง แต่ถ้าเพิ่งเริ่มเรียนก็สามารถดูได้คร่าวๆก่อน เช่น หัวใจ ตับ ไต กระเพาอาหาร เป็นต้นการแมะเพื่อตรวจสอบชีพจรนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะตรวจหรือแมะกันบริเวณข้อมือ เพราะว่าบริเวณข้อมือมีจุดต่างๆที่หมอแมะสามารถจับชีพจรได้ และจุดจับชีพจรบนข้อมือแต่ละข้างก็สื่อถึงการทำงานของอวัยวะที่แตกต่างกัน ออกไป เช่น หมอแมะจะตรวจสอบการทำงานของกระเพาะอาหาร ต้องตรวจสอบทางด้านมือขวา แต่ถ้าต้องการแมะเพื่อตรวจสอบการทำงานของลำไส้เล็ก ก็ต้องแมะกันที่มือซ้าย เป็นต้น
หมอเส็งพูดเรื่องการแมะ
ข้างล่างนี้เป็นคำพูดของหมอเส็งเกี่ยวกับเรื่องการแมะการแมะนั้นจะเกี่ยวข้องกับการมีสมาธิ คนตรวจจะต้องมีสมาธิพอสมควร ถ้าคนที่แมะเก่งๆ หากตรวจหัวใจคนไข้บางทีต้องควบคุมการเต้นของหัวใจตัวเองกับคนไข้ว่ามีจังหวะ เดียวกันมั้ย เพราะฉะนั้นการฝึกสมาธิต้องมีบ้าง มาถึงจะไปจับส่งเดชไม่ได้นะครับ แล้วการจับชีพจรนี่ก็จับตรวจโรคได้บางอย่าง บางอย่างก็ตรวจไม่พบ ไม่ใช่ว่าจับชีพจรแล้วจะตรวจพบหมดนะครับ การตรวจจากชีพจรเนี่ยมันบอกถึงการเต้นของหัวใจ การไหลเวียนของเลือด ความร้อนความเย็นในร่างกายมันจะบอกได้จากชีพจรทั้งนั้นเลย เพราะฉะนั้นรหัสการเต้นของชีพจรก็คือรหัสของโรค เราต้องอ่านรหัสแปลเป็นโรค วิธีการจับก็อยู่ในบริเวณข้อมือซึ่งจะมีชีพจรอยู่ ซึ่งถ้าชำนาญจับเดี๋ยวเดียวก็รู้
บรรยากาศของการแมะกับหมอเส็ง
นำมาให้ทุกท่านได้ดูกันเป็นตัวอย่างกับบรรยากาศการแมะกับหมอเส็งที่ บริษัท แสงสุริยะฉัตร 2002 จำกัด ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ถ้าดูจากภาพจะเห็นถึงพลังความศรัทธาของคนจำนวนมากที่มารอตรวจโรคหรือแมะกับ หมอเส็ง เท่าที่ผมทราบจากประสบการณ์ในการแมะของหมอเส็งในแต่ละครั้งมีจำนวนผู้คนที่ มารอการแมะของท่านไม่ต่ำกว่า 500 คน (ไม่ได้พิมพ์ผิดครับ 500 คน) ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะมากจริงๆคิวที่รอแมะกับหมอเส็ง
หลายท่านอาจจะยังสงสัยว่ารู้ได้ไงว่าถึง 500 คน ก็นับจากบัตรคิวนะสิครับ การแมะของหมอเส็งกับคนจำนวนมากขนาดนั้น ก็จำเป็นต้องมีการเรียงคิวเป็นธรรมดาอยู่แล้วครับ
คนที่มารอการแมะกับหมอเส็งก็มีอาการไม่สบายแตกต่างกันไป ตั้งแต่คนเจ็บป่วยที่สามารถมารับการตรวจแมะได้ด้วยตนเองจนกระทั่งคนเจ็บป่วย ที่ต้องนั่งรถเข็นและต้องให้ญาติพี่น้องช่วยดูแล
คุณหมอเส็งแมะคนป่วย
ในส่วนของกระบวนการแมะของหมอเส็งนั้น เริ่มต้นจากการที่ท่านได้รับบัตรคิวเสียก่อน แต่เนื่องจากคนที่ไปรอรับการแมะกับหมอเส็งมีอยู่จำนวนมาก ถ้าไปรอรับบัตรคิวช้าอาจจะทำให้ต้องรอการแมะกับหมอเส็งนานก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากแมะกับหมอเส็งก่อนก็ต้องรีบจองคิวก่อน จากนั้นให้ท่านกรอกรายละเอียดอาการไม่สบายของท่านว่าเป็นอะไร มีอาการอย่างไร รอสักครู่ประมาณ 14.00 น. คุณหมอเส็งจะเริ่มการแมะ ซึ่งจะเรียกตามคิว คิวละ 50 คน ถ้าหมดคิวนี้ก็จะเรียกอีก 50 คนเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบทุกคน
ถ้าท่านถึงคิวของท่านที่จะได้แมะกับหมอเส็งแล้ว ท่านต้องเข้าไปให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับอาการไม่สบายของท่านกับผู้ช่วย ของคุณหมอเส็ง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 2-3 ท่าน (ทุกๆครั้งหนึ่งในนั้นจะเป็นคุณเล็ก ซึ่งท่านเป็นภรรยาของคุณหมอเส็งเคียงข้างตลอด ก็คนที่นั่งด้านขวามือคุณหมอเส็งในภาพนั่นแหละครับ) ที่คอยสอบถามข้อมูลเบื้องต้นก่อนที่คุณหมอเส็งจะทำการแมะ
การแมะของคุณหมอเส็งจะใช้วิธีการจับชีพจรที่หลังมือ แล้วสอบถามอาการต่างๆ ด้วยตัวคุณหมอเส็งเอง ซึ่งจะใช้เวลาไม่นานนัก จากนั้นคุณหมอเส็งจะจัดยาให้กับคนที่ไม่สบาย และเขียนลงในบัตรคิวว่าต้องทานยาอะไรบ้าง เป็นอันเสร็จสิ้นการแมะต่อคน
ทำไมต้องแมะกับหมอเส็ง ?
อันนี้เราคงต้องร้องขอให้ท่านมาพิสูจน์ด้วยตนเอง เท่าที่ผมทราบคนที่มาแมะกับหมอเส็งมีอยู่จำนวนหนึ่งที่แพทย์แผนปัจจุบันไม่ สามารถรักษาเค้าได้ หรือบางท่านไปพบแพทย์มา 5 ครั้งแต่ก็ยังรักษาไม่ได้อะไรประมาณนั้น ความเจ็บป่วยเป็นเรื่องที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดกับตัวเอง แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วทุกคนอยากดีขึ้นและกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมใช่ไหมครับ ?อีกประเด็นหนึ่ง คือ ถ้าหลายๆท่านเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหมอเส็งมาก่อน ท่านอาจจะเคยได้ทราบมาบ้างแล้วว่า ก่อนหน้านี้การที่ท่านจะได้รับการแมะกับคุณหมอเส็งนั้นเป็นเรื่องยาก และถึงแม้ท่านจะได้รับการแมะกับหมอเส็งก็จริง แต่ท่านอาจจะต้องจ่ายค่าแมะเป็นหมื่นบาทกันแลยทีเดียว (อันนี้ไม่นับรวมค่ายาครับ) แล้วตอนนี้ละถ้าจะแมะกับหมอเส็งต้องเสียเงินหรือเปล่า เราบอกไว้ตรงนี้เลยว่า
เพราะฉะนั้นไม่ต้องรีรออะไรอีกแล้วครับ เป็นโอกาสดีที่จะได้รับการตรวจโรคกับหมอเส็งหรือแมะกับหมอเส็งนั้นมาถึงท่านแล้วตอนนี้แมะกับหมอเส็งหรือตรวจโรคกับหมอเส็ง ฟรี!
อยากจะแมะกับหมอเส็งทำอย่างไรดี ?
ทางผมและทีมงานสามารถอำนวยความสะดวกให้ท่านที่อยากจะแมะกับหมอเส็งหรือ ตรวจโรคกับหมอเส็งได้แบบไม่มีเงื่อนไข ตั้งแต่การจองคิว การตรวจโรคกับหมอเส็งจนกระทั่งการรับยา และคำแนะนำอื่นๆ ติดต่อเราได้เลยครับอยากให้ทุกท่านสุขภาพดี
แล้วพบกันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น