ช่วงหลังๆ มานี้ผู้เขียนได้ยินคำว่า “ปลุกยักษ์” บ่อยมากทั้งจากเพื่อนพองหรือคนรู้จักที่ได้พูดถามถึงกันอยู่หลายครั้ง ทีแรกก็ตีความจากคำแล้ว ก็น่าจะเป็นเรื่องการกระตุ้น การปลุกระดม ปลุกความรู้สึกกระเหี้ยน กระหือรือ ประมาณนี้ ตามความเข้าใจที่ยังไม่ได้หาข้อมูลเพิ่มให้รู้ และเข้าใจยิ่งขึ้น ถึงรากความหมาย จนเมื่อได้อ่านหนังสือ “เมื่อยักษ์ตื่น” เป็นหนังสือแนว จิตวิทยาบริหาร และ สร้างแรงบันดาลใจ โดยผู้แต่ง คุณสิริลักษณ์ ตันศิริ
เนื้อหาเป็นเรื่องการเล่าเรื่องราว วิธีการ ประสบการณ์ของโค้ชสิริลักษณ์ ตันศิริ ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบคนละขั้ว . . จากอดีต นักบัญชี ผู้เฉิ่ม เชย โลกแคบ พูดน้อย จนได้ฉายาว่าเป็น "ซูเปอร์ซิ้ม"
จนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างสุดขั้ว จนกลายมาเป็น “ซูเปอร์วูแมน” เป็นโค้ชด้านการพัฒนาศักยภาพและความสามารถจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางใน ฐานะนักพูดสร้างแรงบันดาลใจหญิงคนแรกของเมืองไทย ผู้สามารถปลุกพลังให้คนนับแสนเปลี่ยนแปลงชีวิตมาแล้วทั่วประเทศ ชีวิตและประสบการณ์ที่ผ่านมาของเธอ จึงน่าจะเป็น “ต้นแบบ” ให้กับผู้ที่ต้องการ “เปลี่ยนแปลงชีวิต” และก้าวสู่ความสำเร็จได้ โดยมีขั้นต้นในฝึกพัฒนาตนเป็นลำดับ เป็นกระบวนการ เน้น ฝึก ฝึก ฝึก แล้วก็ฝึกเท่านั้นถึงจะประสบความสำเร็จได้ เป็นเทคนิคที่โค้ชบอก
ผู้เขียนอ่านแล้วก็คิดต่อมาว่ามนุษย์เรานั้นจะมีสักกี่คนจะเป็นผู้ที่สามารถค้นพบศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ในตนเอง ได้ค้นพบศักยภาพของตนเองออกมา แล้วทำศักยภาพที่หลบซ่อนนั้น ให้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างมากต่อตนเอง และสังคม
โค้ชสิริลักษณ์เล่าว่าเป็นคนที่รักการเรียนรู้มาก และชอบอ่านหนังสือมาก จึงได้แนวทางเรียนรู้เทคนิคสำคัญ คือ การ Modeling ซึ่งเป็นการแกะแบบคน “ต้นแบบ” ในดวงใจที่ประสบความสำเร็จ ทั้งระบบความคิด รูปแบบการใช้ชีวิต รูปแบบการพัฒนาตัวเอง และรูปแบบความเชื่อ ซึ่งถ้าเราสามารถแกะรูปแบบ ต้นแบบเหล่านี้ แล้วนำมาใช้กับตัวเองได้ เราก็จะสามารถสร้างผลลัพธ์ได้ในแบบเดียวกันกับเขา โค้ช จึงได้นำชีวิตตัวเองที่เปลี่ยนแปลงมาแล้ว มาแกะรูปแบบระบบความคิด ให้เห็นว่าชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความสำเร็จนั้น จะต้องเกิดขึ้นทีละขั้น จากการตัดสินใจ จากการก้าวข้ามความกลัว และจากการลงมือทำในทุกๆวัน ซึ่งถ้าใครได้นำไปใช้ ก็จะได้ผลลัพธ์ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ดี
โค้ชสิริลักษณ์ เน้นการเรียนรู้กับปรมาจารย์ระดับ World Class หลายท่าน เช่น Anthony Robbins, T.Harv Eker, Brian Tracy, Robert Kiyosaki ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมาก และที่สำคัญคือได้นำเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปลงมือปฏิบัติ ทำให้ชีวิตของโค้ชเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่ามหัศจรรย์ จากการมีต้นแบบมาเล่าสู่กันฟัง
ผู้เขียน อ่านแล้วรู้สึกชอบและประทับใจกับเทคนิคการเรียนรู้ จากการมีต้นแบบ จาก ประสบการณ์ตรงเช่นกัน สมัยตอนที่ผู้เขียนทำงานแรกๆ เป็นคนที่เงียบ ตั้งใจ ขยัน มีความรับผิดชอบนะ รวมทั้งตอนเรียนหนังสือทั้งปริญญาตรี และปริญญาโท ผู้เขียนก็ไม่ได้ฉายแววความสามารถโดดเด่นอะไรเลย เป็นคนขี้อาย ขี้กลัว ชีวิตธรรมดาๆ ไม่มีอะไรตื่นเต้น โลดโพ่น ซึ่งตรงกับโค้ชสิริลักษณ์ได้บอกว่า คนเรานั้นได้นำศักยภาพมาใช้เพียงแค่ 7% เท่านั้นเอง แล้วอีก 93 % หายไปไหนค่ะ
จนเมื่อห้าปีที่ผ่านมาผู้เขียนได้มาร่วมงานกับ ดร.อาภรณ์ ภู่วิทยพันธ์ ที่บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่ง ได้เป็นผู้ดึงศักยภาพในตัวผู้เขียนที่เหลือออกมามากมายเป็นผู้ชักนำให้ได้มี โอกาสเป็นวิทยากรภายใน ทีแรกก็ไม่คิดว่าจะบรรยายได้แต่เมื่อมีต้นแบบให้เห็นก็คิดว่าต้องทำได้ พา ไปศึกษาดูงานกับองค์กรชั้นนำหลายแห่ง ส่งให้เข้าอบรมเพิ่มเติมความรู้กับวิทยากรที่เก่งๆ มากมาย จนมีความรู้เพิ่มขึ้นจนมาถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นยังช่วยส่งเสริมเป็นผู้ช่วยดร.อาภรณ์ ในการแต่งหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากรโดยใช้ Competency ถึงสามเล่มที่ผ่านมา ให้ติดตามในการเป็นผู้ช่วยที่ปรึกษาตลอดมา จนเพื่อนเก่าทั้งสมัยทำงาน และเพื่อนสมัยเรียนยังบอกผู้เขียนว่า ปัจจุบันผู้เขียนเปลี่ยนแปลงศักยภาพไปในทางทีดีขึ้น เหมือนตนเองมีความโดดเด่นขึ้น มีความชัดเจน มีเป้าหมาย และค้นหาตัวเองพบ ผู้เขียนก็ต้องขอขอบคุณ ดร.อาภรณ์ ภู่วิทยพันธ์ มาณ.ที่นี้ ที่ได้ให้โอกาสและได้ดึงศักยภาพของผู้เขียน และได้เป็น “ต้นแบบ” ที่ดี ที่ทำให้ผู้เขียนค้นหาศักยภาพตัวเองพบ
แต่ ทั้งนี้ ทั้งนั้นความสำเร็จของเราจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร หากขาดความมุ่งมั่น ความตั้งใจจริง ที่จะทำแล้วก็ยากที่จะสำเร็จลงได้ เพราะฉะนั้นเวลาที่เราต้องการที่จะทำอะไรสักอย่างย่อมมีอุปสรรคเสมอ นั่นก็คือ “ใจ” ของเราจิตใต้สำนึก ความคิดที่เกิดจากความกลัว ความกังวลเป็นอุปสรรคสำคัญ
หากท่านผู้อ่านได้ฝึกฝนการเปลี่ยนแปลงตนเองจากที่เคยเป็น ฝ่าด่านความกลัว ความท้อแท้ ความหวาดระแวง ความอคติ หรือการมองชีวิตในแง่ลบ สร้างแรงกระตุ้น แรงจูงใจ แรงบันดาลใจให้กับตนเอง หากความรู้สึก อารมณ์ของเราเป็นอย่างไร การแสดงตน การปฏิบัติตนของเราก็จะออกมาจากจิตใต้สำนึกเท่านั้น ดังนั้นเปลี่ยนแปลงนิสัยจากเดิมๆที่เคย เพื่อเป็นคนใหม่ที่สดใสกว่าเดิมจากที่เคยเป็นสิ อย่างที่คุณเองก็ทำได้ไม่ยาก “เปลี่ยนมุมคิด ชีวิตเปลี่ยน” เห็นว่าคำนี้น่าเป็นจริง และทำได้ไม่ยาก หากแต่ต้องฝึก การฝึกฝนให้มากๆๆๆ อย่างที่โค้ชสิริลักษณ์ได้แนะนำไว้
หนังสือ “เมื่อยักษ์ตื่น” กล่าวว่า คนทุกคนมียักษ์อยู่ในตัว คุณรู้หรือไม่ค่ะว่า คุณมียักษ์อยู่ในตัว? วิธีการปลุกยักษ์ที่หลับไหลให้ตื่น ประกาศให้ยักษ์ที่ยิ่งใหญ่ในตัวคุณได้รับรู้ วิธีการเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบพลิกฝ่ามือกลายเป็นคนใหม่
โดยพูดกับตัวเองทุกๆเรื่อง และบ่อยๆว่า Yes Yes Yes เราทำได้
เราเก่ง เราฉลาดที่สุด มองตนเองและสิ่งรอบด้านให้มีความสุข
ฝึกปฏิบัติการปลุกยักษ์ของคุณโดยขอให้ลงมือทำในปัจจุบันทันทีเดี๋ยวนี้
เทคนิคอีกประการขอให้คุณลุกขึ้นยืน กำหมัดแน่นๆ แล้วตั้งใจประกาศกับตัวเอง
ดังๆ อย่างเข้มแข็ง จริงจังว่า “ฉันรับผิดชอบชีวิตของฉันเอง”
“นับจากนี้ไปของความมุ่งมั่น ของความอดทน ของความพากเพียรพยายาม ฉ้น
จะทำจนกว่าความฝันของฉันเป็นจริง ฉันมีพลัง ฉันเชื่อมั่น ฉันทำได้!!!
ให้ใส่สภาวะอารมณ์ความรู้สึกที่เข้มข้นเข้าไปด้วย และให้แสดงออกมาทางน้ำเสียง สีหน้า แววตา ท่าทางร่างกายของเรา อย่าพูดแบบไร้อารมณ์ เพราะสมองและจิตใต้สำนึกจะรับได้เร็ว ถ้าเราพูดโดยใส่อารมณ์ที่เข้มข้นลงไป นี่คือสุดยอด เทคนิคการ “ปลุกยักษ์” ที่ทรงพลังมากๆๆ กรุณาพูดให้พลังตัวเองบ่อยๆ ทุกๆ วันนะค่ะ
และการจิตนาการ การดึงสิ่งที่คุณปรารถนาทุกวันนะคะ นี้คือ สุดยอดเคล็ดลับวิชาและเทคนิคที่ทรงพลังมากๆๆ คุณกำลังจะ “ดึงดูด” ทุกอย่างที่คุณจินตนาการเข้ามาในชีวิตค่ะ เพราะ จินตนาบ่อยๆ ถึงสิ่งที่คุณใฝ่ฝัน
ผู้เขียนชอบคำว่านี้อีกแล้ว “จินตนาการ” ซึ่งได้มีกัณยาณมิตรได้มอบหนังสือ “โชคดี” ของพระอาจารย์ มิตซูโอะ คเวสโก เนื้อหาตอนนี้หนึ่งได้หยิบยก อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ (Imagination is more important than knowledge” ในผู้ปฏิบัติธรรม จินตนาการ ไม่ใช่ การนึกคิด ปรุง แต่ง ฟุ้งซ่าน แต่จินตนาการเป็นเรื่อง การศรัทธาเชื่อมั่นในสิ่งที่ควรเชื่อ เมื่อเรามีศรัทธาเชื่อมั่นในสิ่งใดแล้วเราก็จะตั้งใจมุ่งมั่นและพยายามที่ บรรลุถึงเป้าหมาย
พระอาจารย์ มิตซูโอะ คเวสโก กล่าวว่า จินตนาการ คือ ความศรัทธา ความเชื่อมั่นว่าธรรมชาติของจิต ที่บริสุทธิ์ ผ่องใส ไม่มีอารมณ์ที่เกิดขึ้น คือ ขี้เกียจ ขี้โกรธ ขี้ฟุ้งซ่าน ขี้น้อยใจ ขี้อิจฉา เป็นต้น หากสิ่งเหล่านี้มาเยี่ยมเยือนเราขอให้คิดว่าเป็นแขกของเราเท่านั้น และจะไม่ทำให้จิตใจของเศร้าหมองมาเกาะติด ฝังแน่นในใจ ในอารมณ์ของเราให้ขุ่นมัว
ทำตนเองให้มีความภูมิใจกับตัวเราเอง ภูมิใจ กับการทำงานมากๆ และมีกำลังใจที่ดีมากยิ่งขึ้น มีสติปัญญาในการคิดมากขึ้น และรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ โชคดีที่บริษัทรับเราเข้าทำงาน โชคดีจังที่เรามีงานทำ โชคดีจังมีครอบครัวที่ดี โชคดีจังมีลูกที่ดี โชคดีจังมีเพื่อนที่ดี คิดเชิงบวกให้กับตัวเอง กับคนรอบข้างให้มากๆ จะช่วยให้มีสติ
วันนี้.. อย่าลืมพูดกับตัวเองในสิ่งที่ดีๆนะคะ..
ฉันเก่ง ฉันทำได้ ฉันน่ารัก ฉันสดใส ฉันร่าเริ่ง ฉันมีความสุข
Morseng herbs Delivery in LuangPrabang ,Laos สุนจำหน่าย สะหมุนไพ หมอเส็ง LuangPrbang สปปลาว บอลิกานส่งเภิงที่ in Luang Prabang พิเสด รับสะมาชิก ตัวแทนจำหน่าย ลายได้ดี Tel 856 20 22380244 สนใจ ร่วมธุรกิจเพียง 500 บาท โดยไม่ต้องลงทุน หรือสมัครสมาชิกเพื่อรับส่วนลดสินค้า25%ตลอดชีพทั่วประเทศ โดยมีการต่ออายุสมาชิก 100 บาทต่อ year ได้ทันทีโทร 850 20 22380244 รับแฟ๊ม แค๊ตตาล็อคสินค้า คู่มือดำเนินธุรกิจ บัตรสมาชิกตลอดชีพ จัดส่งถึงบ้าน
ค้นหาบล็อกนี้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น