
ชาเขียว Green tea
เรื่องของชาเขียว
ชา มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ซึ่งใบชาแต่ละพันธุ์จะนำมาผลิตเป็นชาต่างๆ เช่น ชาเขียว ชาดำ ชาอูหลง โดยขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการผลิต หลังจากการเก็บเกี่ยวจะนำใบชาไปตากแดด จึงเกิดกระบวนการหมักตัวขึ้น ทำให้ใบชามีสีน้ำตาล เมื่อชงน้ำจะมีรสเข้มข้นและมีกลิ่นหอมฉุน โดยชาดำนั้นจะใช้เวลาในการหมักนานกว่าการหมักชาอูหลง
ส่วน ชาเขียวที่เรานิยมกันมากนั้น เมื่อเก็บเกี่ยวใบชาเสร็จก็จะนำยอดใบชาไปอบไอน้ำทันที โดยใช้อุณหภูมิสูงในการอบและจะใช้เวลาในการอบไม่นาน เพื่อทำให้ใบชาแห้ง มีสีเขียวและมีคุณภาพเทียบเท่ากับใบชาสด ทำให้ไม่สูญเสียสารที่เป็นองค์ประกอบสำคัญไปมากนัก
ในชา ทั้งหลายล้วนมีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้ เพราะในชามีสารที่มีคุณสมบัติในการต้านสารอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอี 20 เท่า ในชาเขียวยังมีสารที่สำคัญคือสารโพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
คน จีนใช้ชาเขียวเป็นยารักษาโรคมาไม่น้อยกว่า 4,000 ปีแล้ว เพราะมันมีคุณสมบัติช่วยชะลอภาวะแก่ก่อนวัย สามารถรักษาระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติ อีกทั้งยังสกัดกั้นการทำงานของเอ็นไซม์ที่เปลี่ยนแปลงความเครียดในหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดหลอดเลือดตีบ ลดปัจจัยเสี่ยงของการป่วยเป็นโรคหัวใจ ช่วยลดระดับไขมันอิ่มตัว ซึ่งจะยับยั้งไม่ให้เกิดลิ่มเลือดไปอุดตันที่เส้นเลือด รวมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดการก่อตัวของตะกอนไขมันที่ผนังเลือด
นอก จากคุณสมบัติที่ได้กล่าวไปข้างต้น ชาเขียวยังมีประโยชน์ในการล้างพิษออกจากร่างกาย อย่างไรก็ตาม การดื่มชาก็มีโทษเช่นกันเพราะในใบชามีกรดแทนนิก (Tannic Acid) ประกอบอยู่ ซึ่งจะพบในชาแดงมากกว่าชาเขียว ดังนั้น ควรเลือกรับประทานใบชาที่มีคุณภาพดีจะให้ประโยชน์กับร่างกายได้ดีกว่า เพราะยิ่งใบชาเกรดต่ำก็จะยิ่งมีกรดแทนนิกสูง ซึ่งจะไม่ดีต่อระบบทางเดินอาหาร และเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการรับประทานชาเขียว ควรเลือกดื่มชาเขียวที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ๆ และควรเลือกดื่มชาเขียวแบบร้อนแทนชาเขียวแบบแช่เย็นหรือใส่น้ำแข็ง และไม่ควรเติมนมและน้ำตาลลงในชาเขียวเพราะนอกจากจะลดคุณประโยชน์ของชาเขียว แล้ว ยังเพิ่มปริมาณไขมันและน้ำตาลที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น